ยูเครน 4 มี.ค. – ผู้นำยูเครนขอคุยผู้นำรัสเซียแบบตัวต่อตัว หวังหาทางยุติสงครามที่ดำเนินมาแล้ว 8 วัน ด้านการเจรจาหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย เห็นชอบให้เปิดทางอพยพพลเรือน แต่ยังห่างไกลเรื่องหยุดยิง ส่วนรัสเซียยังเดินหน้าถล่มต่อเนื่อง
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน แถลงผ่านคลิปว่าเขาต้องการจะหารือแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ไม่ว่าที่ใดก็ได้ เพราะเชื่อว่าเป็นหนทางเดียวที่จะยุติสงครามที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ พร้อมกับได้ร้องขอไปยังชาติตะวันตกให้ช่วยแจกแจงเรื่องรายละเอียดในการรับมือการโจมตีของกองทัพรัสเซีย ดีกว่าปล่อยให้ยูเครนสู้อยู่เพียงลำพังแบบไร้แผนการ
ส่วนการเจรจาหยุดยิงรอบสองของคณะผู้แทนรัฐบาลรัสเซียและยูเครน ที่ภูมิภาคเบรสต์ของเบลารุส ที่มีพรมแดนติดกับโปแลนด์ เมื่อวานนี้ แม้จะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงยุติสงครามระหว่างสองฝ่ายที่ดำเนินมาเป็นวันที่ 8 แล้ว แต่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้กำหนดเส้นทางปลอดภัยสำหรับอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่สู้รบ ส่วนการเจรจารอบที่ 3 ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีขึ้นเมื่อใด
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เผยระหว่างหารือทางโทรศัพท์นาน 90 นาที กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส วานนี้ว่า จนถึงตอนนี้ ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนยังคงเดินหน้าไปได้ตามแผนที่วางไว้ แม้จะเพิ่งยึดเมืองใหญ่ในยูเครนได้เพียงเมืองเดียว และจะเดินหน้าโจมตียูเครนต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ารัสเซียจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในยูเครนต่อไปจนถึงที่สุด และแม้รัสเซียไม่คิดจะทำสงครามนิวเคลียร์ แต่ก็เตือนว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเป็นสงครามนิวเคลียร์
ท่าทีของนายปูตินและนายลาฟรอฟ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าสถานการณ์การสู้รบในยูเครนต่อจากนี้จะเลวร้ายลงอีก หลังจากวานนี้ซึ่งเป็นวันที่ 8 ของการสู้รบ ยังคงเกิดการโจมตีอย่างหนักในหลายเมืองของยูเครน โดยเฉพาะที่เมืองมาริอูโพล ทางภาคใต้ ที่กองทัพรัสเซียระดมยิงถล่มด้วยปืนใหญ่และขีปนาวุธอย่างหนักต่อเนื่อง
มีรายงานผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน พลเรือนอีกจำนวนมากติดอยู่ในเมือง ไม่สามารถอพยพออกมาได้ ขณะที่วันก่อนรัสเซียเพิ่งจะยึดเมืองเคอร์ซอน ทางภาคใต้ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่แห่งแรกได้ เมืองแห่งนี้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เพราะเป็นที่ตั้งเป็นปากแม่น้ำพร้อมท่าเรือใหญ่ ที่สามารถใช้เป็นฐานบัญชาการและส่งกำลังบำรุง ขณะที่ผู้สันทัดกรณีชี้ว่าหากรัสเซียสามารถยึดเมืองอื่นๆ ทางภาคใต้ของยูเครนได้เพิ่มเติม อาจทำให้กองทัพยูเครนถูกตัดขาด ไม่สามารถออกสู่ทะเลได้
ส่วนที่กรุงเคียฟ ซึ่งมีกองทหารรัสเซียจำนวนมากระดมเสริมเข้าไปปิดล้อมทางตอนเหนือหลายวันแล้ว ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก และยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของยูเครน ซึ่งอาจเป็นไปตามการวิเคราะห์ของหลายฝ่ายว่ารัสเซียมีปัญหาด้านการส่งกำลังบำรุง ขาดแคลนอาหารและเชื้อเพลิง จึงมีเพียงการโจมตีประปรายในเมืองหลวง และการสู้รบกับทหารยูเครนแถบชานเมือง อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ารัสเซียเตรียมโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ โดยได้เตือนให้ชาวกรุงเคียฟอพยพออกไป และทหารรัสเซียจะรับประกันความปลอดภัยให้
ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เผยว่าสงครามในยูเครน ทำให้มีผู้อพยพเพิ่มขึ้นเกิน 1 ล้านคนแล้ว ในจำนวนนี้กว่า 575,000 คน เดินทางไปโปแลนด์ ประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันตก ตามด้วยฮังการี สโลวาเกีย และโรมาเนีย ส่วนจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตนั้น ทางการยูเครนบอกว่ามีมากกว่า 2,000 คนแล้ว.-สำนักข่าวไทย