กรุงเทพฯ 1 มี.ค. – กรมการแพทย์ เผยปัจจุบันมีเด็กติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้น และมีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลังจากการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน เนื่องจากบางโรงเรียนได้เริ่มเปิดเรียนและเด็ก 5-11 ปี เพิ่งได้รับวัคซีนป้องกัน
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่าแม้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ความรุนแรงน้อยกว่าที่ผ่านมา การที่เด็ก ๆ ติดเชื้อมากขึ้นโดยอาจจะมีสาเหตุหลักมาจากเด็ก 5-11 ปี เพิ่งได้รับวัคซีนป้องกัน และมีการเปิดเรียนในบางโรงเรียน โดยตามปกติอาการของเด็กที่ติดเชื้อจะมีไข้อยู่ประมาณ 5 วัน แต่ต้องสังเกตอาการถึง 10 วัน และติดตามอาการต่อจนครบ 14 วัน การรักษาในเด็กเหมือนการรักษาในผู้ใหญ่ จากการคุยกับผู้เชี่ยวชาญเด็กหลายรายพบว่าเชื้อโอไมครอนในเด็กส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยเหมือนเป็นไข้หวัด อาจจะต้องย้ำให้ผู้ปกครองเข้าใจเพื่อลดความกังวลได้
นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่าช่วงอายุเด็กที่ติดโควิด-19 ที่พบบ่อยคือช่วงอายุ 3-11 ปี สำหรับกลุ่มที่มีอาการรุนแรงมักจะเป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคสมอง หัวใจ มะเร็ง หรือกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และจากการสำรวจเตียงในเครือสำนักกรมการแพทย์ UhosNet กรุงเทพมหานคร พบว่ามีประมาณกว่า 500 เตียง และมีการครองเตียงแล้วกว่าร้อยละ 80 โดยเตียงเด็กจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ กลุ่มเด็กแรกเกิด กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่เด็กอายุ 1-11 ปีและกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มอายุมากว่า 12 ปีขึ้นไป สำหรับการเข้ารับการรักษาจะต้องผ่านการคัดกรองประเมินระดับความรุนแรงตามอาการของผู้ป่วย หากเด็กมีอาการไข้ไม่สูง ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง เด็ก ไม่ซึม รับประทานอาหารได้ มีผู้ดูแล และมีห้องน้ำแยกป้องกันการกระจายของเชื้อ จะสามารถเข้ารับการดูแลในรูปแบบของ Home Isolation (HI) หรือรักษาที่บ้าน โดยมีทีมพยาบาลติดตามอาการอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง มีการส่งเครื่องมือวัดไข้ เครื่องมือวัดออกซิเจน ยา ถุงขยะติดเชื้อ อาหาร รวมทั้งของเล่นให้เด็กด้วย สำหรับเด็กที่มีอาการเปลี่ยนแปลง เช่น ไข้สูงกว่า 39 องศาฯ ขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง ซึม ไม่รับประทานอาหาร หายใจเร็ว มีระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้วน้อยกว่า 96% ให้รีบไปพบแพทย์โรงพยาบาลใกล้บ้าน. -สำนักข่าวไทย