เตือน “เจล-สเปรย์แอลกอฮอล์” ติดไฟง่าย แนะ 5 วิธีใช้ปลอดภัย​

​กทม. 10 ก.พ.- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชน ระวังการใช้เจลแอลกอฮอล์หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ บริเวณที่มีเชื้อเพลิงหรือเปลวไฟ เช่น กองไฟ เตาแก๊ส การจุดยากันยุง การจุดธูป เป็นต้น เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถติดไฟได้ พร้อมแนะ 5 วิธีใช้แอลกอฮอล์ให้ปลอดภัย

​นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีแฟนเพจ “Survive – สายไหมต้องรอด” เปิดเผยเรื่องหญิงสาวรายหนึ่ง ที่ถูกไฟไหม้ตามร่างกาย หลังฉีดพ่นแอลกอฮอล์ใส่ตัว และเดินไปจุดยากันยุงนั้น โดยทั่วไปแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อ เป็นเอทิลแอลกอฮอล์ ความเข้มข้น 70 – 90 เปอร์เซนต์ มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคมากที่สุด แต่ไม่ควรทาหรือราดทั้งตัว เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เพราะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ไม่สามารถป้องกันโรคได้จริง อีกทั้งอาจเกิดอันตรายได้หากกระเด็นเข้าสู่ดวงตาหรือเนื้อเยื่อ เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารติดไฟง่าย หากใช้แอลกอฮอล์ทาทั้งตัว และเข้าไกล้ไฟ จะทำให้เกิดไฟไหม้และเป็นอันตรายได้ จึงควรใช้อย่างปลอดภัย 5 วิธี ดังนี้ 1) ไม่ควรใช้สเปรย์แอลกอฮอล์บริเวณที่มีเชื้อเพลิงหรือเปลวไฟ เช่น กองไฟ เตาแก๊ส การจุดยากันยุง การจุดธูป เป็นต้น เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถติดไฟได้ 2) ไม่ควรแบ่งแอลกอฮอล์สำหรับการฆ่าเชื้อ ใส่ในขวดน้ำ เพราะอาจมีผู้เข้าใจผิดว่าเป็นน้ำดื่มได้ 3) ไม่ควรเก็บแอลกอฮอล์ไว้ในรถที่จอดตากแดด เพราะในรถอุณหภูมิสูงจะทำให้แอลกอฮอล์ระเหย และประสิทธิภาพลดลงจนไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ 4) ไม่ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ในที่แคบ จะทำให้เกิดการฟุ้งโดนใบหน้า เข้าตา และเมื่อหายใจเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคือง และ 5) ไม่ควรใช้เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์บริเวณผิวบอบบาง เช่น ใบหน้า รอบดวงตา บริเวณที่ผิวอักเสบหรือมีบาดแผล เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคือง และแสบร้อนบริเวณดังกล่าว


​“ทั้งนี้ การเลือกใช้และเก็บรักษา ให้เลือกใช้เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ที่มีฉลากติดไว้ชัดเจน ไม่หมดอายุ เมื่อเปิดใช้มีกลิ่นเฉพาะของแอลกอฮอล์ ควรใช้เฉพาะจุดที่มือสัมผัส โดยบีบเนื้อเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ลงในฝ่ามือ แล้วลูบให้ทั่วฝ่ามือ หลังมือ และนิ้วมือ ทิ้งไว้ 20 – 30 วินาที จนแอลกอฮอล์ระเหยแห้ง โดยเน้นทาที่มือ ก่อนและหลังการสัมผัสจุดสัมผัสร่วม เพื่อสุขอนามัยที่ดี ป้องกันโควิด-19 ส่วนการเก็บรักษา ให้เก็บไว้ในอุณหภูมิปกติ โดยปิดฝาภาชนะให้สนิท เพื่อป้องกันแอลกอฮอล์ระเหย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว​ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง