รู้จักดอกไม้เพลิงและอันตรายจากการผลิตดอกไม้เพลิง

กรุงเทพฯ 18 ม.ค.- กรมอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตดอกไม้เพลิง โดยอาจเกิดอันตรายได้ทั้งจากการเกิดไฟไหม้ การระเบิด การได้รับสารเคมี การได้รับเสียงดัง และอันตรายจากความร้อน 


กรมอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “อันตรายจากการผลิตดอกไม้เพลิง” โดยกระทรวงสาธารณสุขเป็นหนึ่งใน 5 หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุดิบที่ใช้ไนการผลิตดอกไม้เพลิงตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุดิบที่ใช้ไนการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ. 2547

สำหรับดอกไม้เพลิงคือ ผลิตภัณฑ์หรือสารผสมชนิดหนึ่งที่ออกแบบขึ้น เมื่อทำให้เกิดความร้อนจะทำให้เกิดเป็นสี แสง เสียง หรือควัน ในลักษณะต่างๆ โดยกระบวนการเผาไหม้ ติดไฟ และการระเบิด


ดอกไม้เพลิงมีมากมายหลายชนิด โดยแตกต่างกันที่องค์ประกอบของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตและการบรรจุอัดเข้าไว้ในรูปทรงที่ต่างกัน สามารถแบ่งตอกไม้เพลิงออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1. ดอกไม้เพลิงขนาดเล็ก ( Consumer fireworks) ใช้เพื่อความบันเทิงและเกิดสีที่สวยงามเกิดเป็นเสียงหรือควัน มีปริมาณของส่วนผสมที่เป็นวัตถุระเบิดแต่ละชิ้นไม่เกิน 50 มิลลิกรัมได้แก่ ประทัด ไฟเย็น พลุขนาดเล็ก เม็ดมะยม กระเทียม กระจับ เป็นต้น

2. ดอกไม้เพลิงขนาดใหญ่ที่มีอานุภาพรุนแรงกว่าดอกไม้เพลิงขนาดเล็ก (Display fireworks) ใช้กับงานแสดงในที่กว้าง โล่งแจ้ง ผู้ใช้จะต้องมีความชำนาญ ได้รับการฝึกอบรมในการใช้มาก่อนเท่านั้นเช่น พลุขนาดใหญ่ โรมันแคนเดิลขนาดใหญ่ ดอกไม้ไฟน้ำตกขนาดใหญ่ และดอกไม้เพลิงที่ใช้เป็นตัวอักษร เป็นต้น


สารเคมีที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิงมี 5 ประเภทประกอบด้วย

1. สารเคมีที่ให้ออกซิเจน (Oxidizing agent) ในการเกิดปฏิกิริยาของดอกไม้เพลิงนั้นจะอาศัยออกซิเจนจากอากาศเพียงอย่างไม่เพียงพอ จำเป็นต้องอาศัยออกชิเจนบางส่วนหรือทั้งหมดจากสารที่ให้ออกซิเจนได้แก่ สารโพแตสเซียมไนเตรตหรือดินประสิว สารโพแตสเซียมคลอเรตซึ่งใช้สารเร่งดอกและผลลำไย (เคยเกิดระเบิด) และสารโพแตสเซียมเปอร์คลอเรต 

2. สารเคมีที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง (Fuels) ในขณะเกิดการผาไหม้ได้แก่ ถ่าน กำมะถัน สังกะสี แป้ง แมกนีเชียม ผงคาร์บอเนต และผงอลูมิเนียม เป็นต้น

3. สารที่ช่วยในการเกาะตัวของส่วนผสม (Binder) เช่น แป้ง น้ำตาล เป็นต้น

4. สารเคมีที่ใช้เป็นตัวทำให้เกิดสี (Coloring agent) ส่วนใหญ่จะเป็นเกลือของโลหะชนิดต่างๆ เมื่อได้รับแรงระเบิดจนกลายเป็นไอจะทำให้เกิดเป็นแถบสีต่างๆ ตามความยาวคลื่นของเกลือโลหะนั้นๆ เช่น สีแดงได้จากสตรอนเซียมไนเตรต สีเขียวได้จากแบเรียมไนเตรต เป็นต้น

5. ดินดำ (Black powder) เป็นสารผสมที่ประกอบด้วยโพตัสเชียมไนเตรต ซัลเฟอร์ และผงถ่าน ดินดำจะทำให้ลุกติดไฟง่าย ไวต่อการกระแทก และเสียดสีจึงใช้ในดอกไม้เพลิงเกือบทุกชนิดเพื่อช่วยในการจุดตัวของดอกไม้เพลิง

สำหรับอันตรายที่เกิดจากกระบวนการผลิตดอกไม้เพลิงมี 4 ประการได้แก่ อันตรายจากการเกิดไฟไหม้และการระเบิด อันตรายจากการได้รับสารเคมี อันตรายจากการได้รับเสียงดัง และอันตรายจากความร้อน

– อันตรายจากการเกิดไฟไหม้และการระเบิดนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดขึ้นที่โรงงานผลิตและโกดังเก็บ แต่ละครั้งที่เกิดเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก อีกทั้งสูญเสียทรัพย์สินทั้งของผู้ประกอบกิจการและผู้อื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเนื่องจากสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตเป็นสารที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เป็นสารที่ให้ออกซิเจน และเป็นสารที่ทำให้ลุกติดไฟง่าย ไวต่อการกระแทก และเสียดสี ดังนั้นเมื่อมีการใช้เครื่องมือเจาะที่ทำให้เกิดความร้อนหรือประกายไฟ การสูบบุหรี่ การสาธิตหรือทดลองในบริเวณที่มีการผลิตจะทำให้ระเบิดและลุกติดไฟทันที การเก็บดอกไม้เพลิงเป็นจำนวนมากไว้ในโกดังอาจป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเสียดสีกันหรือการล้มหรือหล่นของกองดอกไม้เพลิง หรือแม้แต่การเก็บสารเคมีที่จะใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิงเป็นจำนวนมากไว้ในบริเวณเดียวกันกับที่มีการผลิตตอกไม้เพลิงก็อาจทำให้เกิดปฏิกิริยากันเองและเกิตการลุกติดไฟและระเบิดขึ้น

– อันตรายจากการได้รับสารเคมี ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการผลิตตอกไม้เพลิงจะทำให้ได้รับสารเคมีจากกระบวนการผลิตโดยสารแต่ละชนิดมีอันตรายแตกต่างกันเช่น สารโพแตสเชียมเปอร์คลอเรตทำให้เกิดการระคายต่อผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจส่วนบน สารซัลเฟอร์หรือกำมะถันทำให้เกิดอาการตาแดง ผิวหนังอักเสบ หายใจขัด เกิดการระคายเคืองที่ระบบทางเดินหายใจ สารโพตัสเซียมไนเตรต ถ้าสัมผัสจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและเยื่อบุผิวหนัง ถ้ากลืนกินเข้าไปจะทำให้คลื่นไส้ ท้องเสีย และกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ สารแบเรียมไนเตรต มีพิษมากจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อหู ตา จมูก และผิวหนัง อาจทำลายตับ ม้าม และยังทำให้เกิดอัมพาตที่แขน ขา และบางรายอาจทำให้เสียชีวิตได้ เป็นต้น

– อันตรายการได้รับเสียงดัง มักเกิดจากการจุดดอกไม้เพลิงในการทดสอบประสิทธิภาพ และผู้ที่ซื้อไปใช้ในงานต่างๆ จากการศึกษาของสำนักอนามัยและสิ่งแวดล้อมพบว่าระดับความดังของเสียงจากการระเบิดของตอกไม้เพลิงส่วนใหญ่เป็นเสียงกระแทกสูงกว่า 130 แซิเบล เอ ที่ระยะห่างจากจุดกำเนิดเสียง 4 เมตร ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดไว้ 85 เดซิเบล เอ ระดับเสียงที่สูงกว่า 130 เดซิเบล เอ นี้จะมีผลทำให้เกิดอาการหูตึงชั่วคราว ถ้าได้รับเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการหูตึงถาวรได้

– อันตรายจากความร้อน ดอกไม้เพลิงบางชนิดให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงมากคือ ประมาณ 1,200 – 1,800 องศาฟาเรนไฮต์ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังไหม้หรือตาบอดได้เช่น ดอกไม้เพลิงที่เรียกว่า ไฟเย็น เมื่อจุดแล้วจะให้สีสันต่างๆ เป็นต้น

การป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการประเภทผลิตดอกไม้เพลิงเช่น

– ไม่ควรทำให้เกิดการเสียดสีหรือเกิดความร้อนสูงกับวัสดุที่ห่อหุ้มดอกไม้เพลิงหรือยั้งไฟเช่น การใช้สว่านไฟฟ้าเจาะวัสดุที่ห่อหุ้มบั้งไฟควรทำก่อนที่จะมีการบรรจุดินปืนและสารเคมีอื่นๆ

– ไม่ควรเก็บผลิตภัณฑ์ดอกไม้เพลิงไว้จำนวนมากในโกดังเพราะอาจทำให้ร่วงหล่นหรือล้มเป็นสาเหตุให้เกิดการกระทบกระแทกกันและระเบิดขึ้นได้

– ควรแยกเก็บสารเคมีที่ยังไม่ใช้ในออกจากกระบวนการผลิตและควรแบ่งนำมาใช้แต่พอดี สารต่างชนิดกันไม่ควรก็บไว้ในที่เดียวกันเช่น สารกำมะถันกับสารโพแตสเชียมเปอร์คลอเรต หากผสมกันก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ นอกจากนี้การนำสารมาใช้แต่พอดียังเป็นการป้องกันมีให้เกิดเหตุรุนแรงด้วย

– ห้องทดลองควรแยกต่างหากห่างจากบริเวณที่เก็บผลิตภัณฑ์ดอกไม้เพลิงและสารเคมีที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต

– ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลเช่น ถุงมือ หน้ากากป้องกันอนุภาคของสารเคมีนั้นๆ แว่นตา ที่ครอบหูป้องกันเสียง เป็นต้น

– ห้ามสูบบุหรี่หรือมีแหล่งประกายไฟหรือแหล่งความร้อน อาจเป็นสาเหตุของการระเบิดและการติดไฟในบริเวณที่มีการผลิตตอกไม้เพลิง บริเวณแหล่งเก็บสารเคมีและวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิต

– ควรให้ความรู้แก่พนักงานที่ผลิตตอกไม้เพลิงให้ทราบถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นและวิธีการปฏิบัติงานอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น

– ไม่ควรตั้งอาคารผลิตดอกไม้เพลิงในบริเวณที่มีแหล่งชุมชนหรือใกล้ที่พักอาศัยหรืออยู่ในบริเวณเดียวกันกับที่พักอาศัย

– ควรมีการควบคุมอุณหภูมิภายในอาคารผลิตไม่ให้มีอากาศร้อนจัดเกินไปเพราะจะทำให้สารเคมีที่ใช้ในการผลิดตอกไม้เพลิงเกิดการจุดตัวและระเบิดด้วยตัวเอง

– อุปกรณ์ฟฟ้าทุกชนิดที่ในอาคารผลิตควรจะป้องกันการระเบิดได้ (Explosion proof)

– อาคารผลิตดอกไม้เพลิงจะต้องมีการออกแบบและการก่อสร้างที่ดีเช่น ควรเป็นอาคารชั้นเดียว ไม่มีชั้นใต้ดินหรือชั้นลอย ใช้วัสดุที่ทนต่อระเบิดหรือไฟไหม้

– ควรทำความสะอาดภายในบริเวณอาคารเก็บวัตถุระเบิด สารเคมี และสินค้าดอกไม้เพลิงเป็นประจำ และรักษาภายในบริเวณอาคารให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ อย่าให้มีเศษกระดาษ เศษฝุ่นผง หรือขยะอื่นๆ อยู่ภายในอาคาร สำหรับไม้กวาดหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดต้องไม่มีส่วนที่เป็นโลหะที่สามารถก่อให้เกิตประกายไฟได้

ในการจัดก็บวัตถุระเบิด สารเคมีที่ใช้ในการผลิตหรือสินค้าดอกไม้เพลิงภายในอาคาร ควรจัดวางสารชนิดเดียวกันให้อยู่ในบริเวณเดียวกันและติดฉลากหรือสัญลักษณ์แสดงชนิดของสารให้สามารถเห็นได้ง่ายและชัดเจน.-512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]