รัฐสภามีมติรับหลักการร่าง พร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย

รัฐสภา 8 ก.พ. – รัฐสภามีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ขณะรัฐบาลยืนยันกฎหมายนี้เป็นประโยชน์แก่ผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย


การประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. … ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ

โดยนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า ตามที่มาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ บัญญัติให้รัฐกำหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง ประกอบกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายได้กำหนดให้มีการปรับปรุงกฎหมายในการกำหนดโทษอาญาให้เหมาะสมกับสภาพความผิดหรือมาตรการลงโทษให้เหมาะสมกับการกระทำความผิด และฐานะผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้บุคคลต้องรับโทษหนักเกินไป หรือต้องรับภาระในการรับโทษที่แตกต่างกัน เนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีสามารถชำระค่าปรับได้ แต่ผู้ที่มีฐานะยากจนต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ และต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ขณะที่นานาประเทศได้เริ่มปรับเปลี่ยนบทลงโทษความผิดอาญาเป็นมาตรการอื่นที่ไม่ใช่โทษอาญามากขึ้น ดังนั้น จึงควรพัฒนากฎหมายไทยให้สอดคล้องกับนานาประเทศ เพื่อประโยชน์ต่อประชาชน และขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคม


ขณะที่สมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายเห็นด้วยอย่างกว้างขวาง แต่มีบางส่วนแสดงความกังวลว่าร่างกฎหมายฉบับนี้อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างกลุ่มคนรวยและยากจนได้

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้เพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่หรือศาลเปลี่ยนโทษปรับสถานเดียวไปเป็นพินัยได้ ซึ่งหลักของการปรับเป็นพินัยจะไม่ถือว่าเป็นโทษอาญา และหากไม่มีเงินจ่ายจะไม่เปลี่ยนเป็นกักขังและไม่ลงในทะเบียนอาชญากรรม โดยอาจสั่งให้เปลี่ยนไปทำงานสาธารณะช่วยเหลือสังคมหรือให้สามารถผ่อนชำระได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้กระทำผิดไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นคนจนหรือคนรวย

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วยคะแนน 544 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 35 คน กำหนดแปรญัตติภายใน 15 วัน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง