กรุงเทพฯ 7 ก.พ.- กรณีหญิงท้องแก่ติดโควิด-19 ไม่มีโรงพยาบาลรับทำคลอด จนต้องขอความช่วยเหลือจากทีมสายไหมต้องรอด ล่าสุดกรมการแพทย์ชี้แจงข้อเท็จจริงเเล้ว
ภาพช่วงกลางดึกที่ผ่านมา นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาทีมงานไปยังบ้านหลังหนึ่งบนถนนเจริญราษฎร์ 3 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
บ้านนี้มีผู้อยู่อาศัยทั้งหมด 4 คน ติดเชื้อโควิด-19 เเล้ว 3 คน อยู่ระหว่างกักตัวรอดูอาการอีก 1 คน หนึ่งในผู้ติดเชื้อคือ หญิงตั้งท้อง 9 เดือน มีอาการเหนื่อยหอบ แขนขาอ่อนแรง อาเจียนตลอดทั้งวัน เมื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดพบว่าค่าออกซิเจนในเลือดต่ำอยู่ที่ 92 มีไข้ 37 องศา และเริ่มมีอาการเจ็บท้องใกล้คลอด ผู้ป่วยและญาติๆ ติดต่อหาโรงพยาบาลเพื่อทำคลอดแต่ไม่มีที่ไหนรับ แม้กระทั่ง รพ.ที่ผู้ป่วยไปฝากท้องไว้ก็ปฏิเสธการรักษา โดยให้เหตุผลเพียงว่าทาง รพ.ไม่มีนโยบาลทำคลอดคนติดเชื้อโควิด-19 ต้องรักษาตัวให้หายก่อนจึงจะมาคลอดที่ รพ.ได้ จนกระทั่งช่วงค่ำ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือไปยังทีมสายไหมต้องรอด เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งประสาน รพ.เลิศสิน ส่งรถพยาบาลมารับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้ว
ต่อมากรมการแพทย์ออกเอกสารชี้แจงว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นหญิงอายุ 32 ปีอายุครรภ์ 9 เดือนและมีประวัติเคยผ่าคลอดมาก่อน ได้ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อมาพบบุคคลในครอบครัวติดโควิด-19 จึงตรวจ ATK ด้วยตนเอง ผลเป็นบวกและมีอาการเจ็บครรภ์ จึงติดต่อโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ ทว่าโรงพยาบาลปฏิเสธทำคลอด จึงทำให้ผู้ป่วยซึ่งมีสิทธิประกันสังคมโรงพยาบาลเลิดสิน ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ติดต่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเลิดสิน เบื้องต้นแทพย์ได้ตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยันก่อนเข้ารับการรักษา แล้วให้ผู้ป่วยสังเกตอาการที่บ้านเพื่อรอผลตรวจก่อน ต่อมาค่ำของวันเดียวกันผู้ป่วยเริ่มเจ็บครรภ์และอาเจียนจึงได้ติดต่อศูนย์เอราวัณ ทางศูนย์เอราวัณจึงนำส่งโรงพยาบาลเลิดสิน ซึ่งโรงพยาบาลรับผู้ป่วยเวลาเที่ยงคืน เบื้องต้นอาการคงที่ไม่มีมดลูกหดตัว ไม่มีน้ำเดิน ระดับออกซิเจนในเลือดปกติ ไม่พบอาการผิดปกติอื่น จึงรับไว้สังเกตอาการ เพื่อวางแผนผ่าตัดคลอดต่อไป
ทั้งนี้ มีการวางระบบการดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าเบื้องต้นโรงพยาบาลที่รับฝากครรภ์ต้องดูแลก่อน หากเกินศักยภาพจึงค่อยส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่รับผิดชอบดูแลตามพื้นที่ที่แบ่งไว้
กรมการแพทย์ขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลเอกชน ขอให้ช่วยดำเนินการตามแนวทางระบบที่วางไว้ และขอให้ทุกภาคส่วนรายงานข้อเท็จจริงตามความเป็นจริงเพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง โดยไม่ทำให้สังคมตื่นตระหนกเกินควร.-สำนักข่าวไทย