ชลบุรี 1 ก.พ. – เหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้มีดจี้ชิงสร้อยคอทองคำหนักรวม 13 บาท หลบหนี ล่าสุดเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและพบข้อสงสัยหลายอย่าง เร่งส่งชุดสืบสวนไล่ดูกล้องวงจรปิดติดตามคนร้าย
เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) ตำรวจภูธรศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทองร้านรับจำนำแม่วรรณี สาขานาพร้าว ม.5 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนสืบสวน สภ.ศรีราชา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบพนักงานร้านเป็นผู้หญิง 2 คน ยืนรอให้กับตำรวจด้วยอาการตกใจ
สอบถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ สวมหมวกกันน็อกสีน้ำเงิน ใส่แมสก์ สวมกางเกงยีนส์ รองเท้ารองเท้าแตะสีดำ ขับรถจักรยานยนต์สีน้ำเงินเดินเข้ามาในร้าน ก่อนชักมีดออกมาขู่กับพนักงานของร้านแล้วเดินไปทุบกระจก ซึ่งบรรจุทองอยู่ กระจกแตกจึงหยิบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท ไปจำนวน 3 เส้น สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จำนวน 2 เส้น รวมมูลค่าทองคำทั้งหมด 13 บาท ก่อนจะหลบหนีไป
ล่าสุด พ.ต.อ.ธนาวุฒิ จงจิระ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ศรีราชา และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อเก็บข้อมูลและหลักฐานอย่างละเอียดเพื่อติดตามตัวคนร้าย
ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดถึงพฤติกรรมของคนร้าย พบว่าคนร้ายน่าจะเคยเข้ามาดูลาดเลาที่โรงรับจำนำแห่งนี้มาก่อนแล้ว เนื่องจากคนร้ายใช้เวลาเข้ามาก่อเหตุไม่ถึง 15 วินาที โดยคนร้ายจอดรถแล้วเดินเข้าไปในโรงรับจำนำ ตรงไปที่ตู้โชว์ทองที่อยู่ระนาบกับพื้น โดยใช้มีดขู่พนักงานก่อนใช้ค้อนทุบกระจกด้านข้างซึ่งไม่ใช่กระจกนิรภัย ส่วนด้านบนเป็นกระจกนิรภัย จึงมีข้อสงสัยว่าคนร้ายทราบได้อย่างไรว่าควรทุบจุดไหนกระจกถึงจะแตก และข้อผิดพลาดของทางร้านคือเปิดประตูด้านหน้าไว้โดยไม่มีระบบป้องกัน ทำให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุได้สะดวก
ส่วนเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ โดยนำเศษกระจกไปตรวจสอบ รวมทั้งรอยรองเท้าและร่องรอยบริเวณกระจก สร้อยคอทองคำที่คนร้ายหยิบไปแต่เอาไปไม่ได้ เพื่อตรวจสอบรอยนิ้วมือและดีเอ็นเอที่อาจจะติดอยู่กับหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล ผกก.สภ.ศรีราชา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ศรีราชา เร่งไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบทิศทางและเส้นทางการหลบหนี ตรวจสอบความชัดเจนของรถที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุอย่างเร่งด่วนแล้ว และเร่งสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อหาข้อมูลที่ชัดเจนต่อไป.-สำนักข่าวไทย