ทำเนียบ 19 ม.ค.- เลขาฯ สมช. เตรียมเสนอผ่อนคลายมาตรการต่อ ศบค.ชุดใหญ่พรุ่งนี้ ทบทวน Test&Go เพิ่มเงื่อนไขรัดกุม ตรวจ RT-PCR 2 รอบ รายงานจุดเดินทาง 7 วันแรก พร้อมต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือน ยอมรับผู้ปกครองเสนอยกเลิกตรวจ ATK-สวมหน้ากากในโรงเรียน หวั่นทำระบบ สธ.โกลาหล
พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 (ศปก.ศบค.)กล่าวถึงการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้(19 ม.ค.) จะมีการประเมินภาพรวม เพื่อผ่อนคลายมาตรการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เนื่องจากผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับทรงตัว ทำให้ระบบการรักษาพยาบาลที่รองรับเข้าที่เข้าทาง อาทิ การปรับพื้นที่สีให้ประชาชนมีความคล่องตัวขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังปีใหม่ พิจารณาปรับมาตรการต่างๆ ให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว จะเป็นหลักที่นำเม็ดเงินเข้าประเทศ
ส่วนการพิจารณาใช้ ระบบ Test&Go จะมีการปรับเพิ่มเงื่อนไขหรือไม่ เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า Test&Go เงื่อนไขที่สำคัญ คือ ในระยะเวลา 7 วันแรกเราจะต้องหาวิธีการควบคุมผู้ที่เดินทางเข้าประเทศให้ได้ ส่วน 7 วันหลังไปแล้วถือว่าปลอดภัย โดยย้ำว่า ครั้งแรกจะต้องตรวจหาเชื้อโดย RT-PCR จากนั้นจะอยู่ในช่วงการควบคุมไว้สังเกต ซึ่งจะต้องมีระบบการติดตาม แต่ไม่ใช่การกักตัว ดังนั้นเราจะพิจารณามาตรการเพิ่มเติมให้รัดกุมมากขึ้น และมีข้อกำหนดชัดเจน ว่า ในวันที่ 5 และ 6 จะต้องตรวจหาเชื้อโดย RT-PCR ซ้ำ เมื่อปลอดภัยก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยได้
ขณะที่การพิจารณากรณีสถานบันเทิง ที่ขออนุญาตปรับรูปแบบเป็นร้านอาหารนั้น เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า จากนี้จะมีการทยอยเปิดต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้กรุงเทพมหานครและจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องจัดทำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด และเข้ารับการตรวจประเมินตามขั้นตอน
ส่วนเมื่อถามว่าจะพิจารณาปรับเพิ่ม 5 จังหวัดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า หลังก่อนหน้านี้มีการชะลอไว้ก่อนหรือไม่ เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า ในวันนี้(19 ม.ค.) เราจะพิจารณา รวมถึงในส่วนของ 13 พื้นที่ย่อย แต่ต้องดูความพร้อมของพื้นที่ เช่น ด้านสาธารณสุข และคนในพื้นที่ รวมถึงผู้ประกอบการต้องดำเนินการตามแนวทางที่กำหนด ที่สำคัญจะประเมินจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ มาประกอบการพิจารณาด้วย
พล.อ.สุพจน์ ยังกล่าวถึงการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะสิ้นสุดในช่วงสิ้นเดือน ม.ค.นี้ว่า มีความจำเป็นต่อขยายออกไป เพราะมีความจำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมสถานการณ์ ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลที่ผ่านมา ตอนนี้ตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 6 พันคนต่อวัน เราอาจต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เพื่อลดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ปกครองจำนวนหนึ่ง เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกการตรวจโควิด 19 ด้วย ATK และการบังคับสวมใส่หน้ากากในโรงเรียนนั้น เลขาธิการ สมช. กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าคิดและสำคัญมาก เพราะหลายประเทศทั่วโลกติดเชื้อสูง แต่เราต้องดูศักยภาพ และลักษณะของสังคม
“ถ้าประเทศไทยไม่ช่วยกันใส่หน้ากากอนามัย ไม่ช่วยกันฉีดวัคซีน ไม่ช่วยกันตรวจเชื้อ โอกาสการแพร่เชื้อจะสูงมาก และอยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลเอาใจใส่สุขภาพ ระบบสาธารณสุขต่อประชาชน และหากเกิดปัญหาจะโกลาหลมากการรองรับผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราไม่ช่วยกันสร้างความปลอดภัยต่อสถานที่ต่างๆ ก็จะกระทบต่อระบบสาธารณสุข ย้ำว่ากระทรวงศึกษาธิการ ได้รับแนวทางจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และทางโรงเรียนก็ได้พูดคุยกับผู้ปกครองหากมีข้อเสนอใด ก็สามารถประสานกระทรวงศึกษาธิการ มายังศปก.ศบค.ได้“เลขา สมช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย