ชุมพร 16 ม.ค. – ผลอย่างไม่เป็นทางการ พรรคประชาธิปัตย์ชนะขาดลอย การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 ชุมพร
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 ของชุมพรครั้งนี้ เจ้าหน้าที่มีการควบคุมตัวผู้มาใช้สิทธิที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมากสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5 คน ขณะที่ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพบัตรลงคะแนนขณะอยู่ในคูหา ส่วนจะทำไปเพราะความไม่รู้ หรือเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองไหนอย่างไร เรื่องนี้ตำรวจบอกว่าต้องขยายผลกันอีกครั้ง
นี่เป็นภาพบรรยากาศในช่วงการนับคะแนนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 ตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ใน อ.เมืองชุมพร หลังจากปิดลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. โดยมีประชาชน รวมถึงกองเชียร์ของผู้สมัครจากทั้ง 5 พรรคการเมือง และตำรวจนอกเครื่องแบบ คอยติดตามเฝ้าสังเกตการณ์นับคะแนน
โดยพื้นที่เขต 1 จ.ชุมพร มีผู้ลงสมัครทั้งสิ้น 5 คน จาก 5 พรรค โดย อ.เมือง มีหน่วยเลือกตั้ง 181 หน่วย อ.สวี มีหน่วยเลือกตั้ง 99 หน่วย แต่ละหน่วยใช้เวลาในการนับคะแนนเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง เนื่องจากมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่มากราว 200-800 คน โดยวันนี้แต่ละหน่วยซึ่งมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินครึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เบื้องต้นผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลานี้ พบว่าผู้สมัครหมายเลข 1 นายอิสระพงศ์ มากอำไพ จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องภรรยาของนายชุมพล จุลใส หรือ ส.ส.ลูกหมี ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากสภาพความเป็น ส.ส. เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้รับคะแนนเลือกตั้งชนะคู่แข่งจาก 4 พรรคแบบขาดลอย ทั้งในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.สวี รวมกันราว 25,000 กว่าคะแนน ตามมาด้วยผู้สมัครหมายเลข 4 จากพรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนรวมกันราว 14,000 กว่าคะแนน พรรคกล้า 2,000 กว่าคะแนน พรรคก้าวไกล 1,300 กว่าคะแนน และพรรคไทยศรีวิไลย์ราว 200 กว่าคะแนน ย้ำว่านี่คือผลอย่างไม่เป็นทางการ
ขณะที่ภาพรวมการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 หลังช่วงหลังเที่ยงเป็นต้นมาค่อนข้างจะวุ่นวาย เพราะเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบพบผู้มาใช้สิทธิที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจำนวน 5 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่กากบาทเสร็จแล้วขณะอยู่ในคูหาในหน่วยเลือกตั้งที่ 3 และหน่วยเลือกตั้งที่ 9 จากนั้นมีบางคนในจำนวน 5 คนนี้ส่งต่อภาพที่ถ่ายต่อให้กับบุคคลที่ 3 ผ่านทาง inbox รวมถึงมีการส่งสลิปการโอนเงินที่อ้างว่าเป็นเงินที่รับมาเพื่อแลกกับการให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้กันด้วย
จากการสอบปากคำเบื้องต้นตำรวจบอกว่าผู้ทำความผิดอ้างว่างไม่ได้มีเจตนาที่จะทุจริตการเลือกตั้ง แต่ทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพียงแค่ต้องการถ่ายภาพเก็บไว้ดูเท่านั้น ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ และระบุว่าจะมีการสอบปากคำผู้กระทำความผิดทั้ง 5 ราย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง พร้อมขยายผลว่าเกี่ยวข้องกับใครหรือพรรคการเมืองใดบ้าง ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม การกระทำแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีโทษสูงสุดคือ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ .-สำนักข่าวไทย