เหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ยื่น ผบ.ตร. เร่งรัดคดี

สตช.7 ม.ค.-ผู้เสียหายถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอก ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้รวมหรือเร่งรัดคดี หลังแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุแล้วคดีล่าช้า

ตัวแทนผู้เสียหายจากคดีถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท จำนวนผู้เสียหาย 84 คน เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดและบูรณาการการดำเนินคดีคนร้ายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้รวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากผู้เสียหายแต่ละคนต่างไปแจ้งความในพื้นที่ที่เกิดเหตุ แต่คดีดำเนินไปอย่างล่าช้า ไม่ทันท่วงทีต่อพฤติการณ์ของคนร้ายที่หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีของแก๊งค์ เช่นตำรวจไม่สามารถดำเนินการอายัดบัญชีที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปได้


หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า พฤติการณ์ของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ จะโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายแล้วอ้างว่าเป็นพนักงานขนส่งของบริษัท DHL มีพัสดุตีกลับ ซึ่งตรวจสอบเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย ให้แจ้งความทางโทรศัพท์ยังสถานีตำรวจที่อยู่ไกลๆ เช่น หากอยู่กรุงเทพฯ  แก๊งค์นี้ก็จะให้แจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ จากนั้นจะโอนสายให้ผู้เสียหายคุยกับผู้ที่อ้างว่าเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจนั้น ซึ่งจะมีการหลอกถามประวัติ ที่อยู่ หมายเลขบัญชีธนาคาร แล้วทำเป็นใช้เวลาตรวจสอบประวัติ ก็จะบอกผู้เสียหายว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน

จากนั้นสมาชิกแก๊งค์ที่อ้างเป็นตำรวจ จะโอนสายให้คุยกับผู้ที่อ้างเป็นตำรวจระดับหัวหน้า เพื่อให้พิสูจน์ว่าเงินในบัญชีของผู้เสียหายไม่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ด้วยการให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีของแก๊งค์ โดยหลอกว่าถ้าผู้เสียหายโอนเงินเข้าแล้ว ตรวจสอบไม่กี่นาทีก็จะโอนกลับให้


เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ แก๊งค์ที่อ้างเป็นตำรวจ จะบอกว่ากำลังให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ตรวจสอบเงินให้ แล้วหลอกให้โอนเงินเพิ่ม เมื่อผู้เสียหายเริ่มฉุกคิดได้ว่าถูกหลอก แก๊งค์นี้ก็จะบล็อกไลน์ บล็อกการติดต่อ ผู้เสียหายหลายรายโทรศัพท์กลับก็ติดต่อไม่ได้

จนถึงขณะนี้ มีผู้เสียหาย 84 ราย ความเสียหายรวม 30 กว่าล้านบาท แต่ละรายถูกหลอกให้โอนเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้าน โดยคนที่ถูกหลอกโอนเงินมากที่สุดคือ 3 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง