กสทช. – สตช. ลงพื้นที่ชายแดนแม่สาย จับกุมสถานีโทรคมนาคมเถื่อน

9 ม.ค. – กสทช. และ สตช. ลงพื้นที่ชายแดนแม่สาย จับกุมสถานีโทรคมนาคมเถื่อน ลักลอบส่งสัญญาณแรงสูงข้ามประเทศไกลกว่า 40 กม. พร้อมเร่งออกมาตรการตีกรอบเสาสัญญาณแนวชายแดน


เมื่อวันที่ 9 ม.ค.66 เวลา 15.00 น. ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช., พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย, พล.ต.ท.ดร.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดูแลงานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี, พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4, , นายสมบัติ ลีลาพตะ รกน.รองเลขาธิการ กสทช., นายพิชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้ทรงคุณวุฒิ กสทช., นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ รกน.ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช., นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม, นายมนต์ชัย ณ ลำพูน ผอ.สำนักงาน กสทช. ภาค 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กสทช. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมสถานีโทรคมาคมผิดกฎหมาย พบส่งสัญญาณแรงสูงข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านไกลกว่า 40 กม. จากการขยายผลพบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมหารือเร่งออกประกาศ กสทช. เรื่องการอนุญาตและกำกับดูแลสถานีวิทยุคมนาคมบริเวณแนวชายแดน เพื่อแก้ไขการปัญหาการลักลอบส่งสัญญาณเอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ศ.นพ.สรณ กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ขานรับนโยบายของภาครัฐในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ ที่มีฐานปฏิบัติอยู่ตามแนวชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ณัฐธร ขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับ สตช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมามีผลการจับกุมอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการขับเคลื่อนในการแก้ไขกฏหมายและระเบียบต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า ที่ผ่านมา กสทช. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้ากวาดล้างจับกุมสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมาย, จับกุมแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมาย, การเร่งจัดระเบียบเสาสัญญาณตลอดแนวชายแดนทั่วประเทศไม่ให้สัญญาณข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อตัดปัจจัยที่เอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และองค์กรอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ ที่มาตั้งฐานอยู่ตามแนวชายแดน ควบคู่ไปกับการออก 7 มาตรการที่สำคัญของ กสทช. อาทิ การระงับการโทรเข้าจากต่างประเทศในบางรูปแบบ, การจัดทำบริการ *138 ปฏิเสธการรับสายต่างประเทศ, การจัดทำระบบลงทะเบียนสำหรับผู้ส่งข้อความจำนวนมาก, การจำกัดลงทะเบียนซิมการ์ดจำนวนมากจะต้องทำการยืนยันตัวตน และ การยกเลิกการส่ง SMS จากสถาบันทางการเงินแนบลิงก์ต่างๆ

การจับกุมในครั้งนี้พบข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า จากการวิเคราะห์เชิงเทคนิคโดยผู้เชี่ยวชาญของ กสทช. พบว่าสถานีโทรคมมาคมเถื่อนที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ สามารถแพร่สัญญาณแรงสูงทั้งในส่วนของสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านไกลกว่า 40 กิโลเมตร รองรับผู้ใช้งานพร้อมกันได้เป็นจำนวนหลักพันราย ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจหลายร้อยตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์แฝงตัวอยู่เป็นจำนวนมาก เรื่องนี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไข โดยล่าสุด กสทช. ได้ยกร่างประกาศ กสทช. เรื่อง การอนุญาตและกำกับดูแลสถานีวิทยุคมนาคมบริเวณแนวชายแดน กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่ชัดเจนสำหรับผู้ประกอบการที่มีความประสงค์จะตั้งเสาสัญญาณใหม่ในพื้นที่ชายแดน กำหนดให้มีระยะร่นจากเส้นเขตแดน และต้องหันทิศทางแพร่สัญญาณเข้ามาในประเทศไทย และตนได้กำชับให้สำนักงาน กสทช. ส่วนภูมิภาคทุกแห่ง ออกตรวจสอบสถานีโทรคมนาคมและเสาสัญญาณในพื้นที่รับผิดชอบ หากพบการแพร่สัญญาณข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ให้รีบประสานผู้ประกอบการแก้ไขปรับปรุง หากผู้ประกอบการรายใดละเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกราย

พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่าง สตช. และ กสทช. ตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากท่าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธัชชัย เป็นตัวแทน ในการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีโทรคมนาคมและเสาสัญญาณตลอดแนวชายแดนด้าน จ.เชียงราย พบว่ามีการตั้งสถานีโทรคมนาคมและเสาสัญญาณผิดกฎหมายหลายแห่ง จึงได้สั่งการให้ สอท. ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายศาล จนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดพร้อมของกลาง โดยมีรายละเอียด ดังนี้


สอท. ร่วมกับ กสทช. เข้าตรวจสอบและจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต พบการลักลอบส่งสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในพื้นที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จับกุมผู้กระทำผิดพร้อมด้วยของกลาง ประกอบด้วย เครื่องวิทยุคมนาคม, อุปกรณ์การจ่ายสัญญาณพร้อมกระแสไฟฟ้า และสายนำสัญญาณพร้อมหัวต่อ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความผิดฐาน “มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต” ตาม พรบ.วิทยุคมนาคมฯ และฐาน “ประกอบกิจการโทรคมนาคมซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตแบบที่หนึ่งโดยไม่ได้อนุญาต” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ในการนี้ชุดจับกุมได้ทำการรื้อถอนอุปกรณ์ทั้งหมดนำส่ง สภ. แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในเรื่องนี้ตนได้กำชับไปยังตำรวจทุกหน่วย ให้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว การลักลอบตั้งสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมายในลักษณะกล่าว เพื่อสกัดกั้นไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าถึงสัญญาณได้โดยง่ายเหมือนในอดีตที่ผ่านมา. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย