ก.อุตฯ 16 ม.ค. – กระทรวงอุตสาหกรรม-กระทรวงพาณิชย์บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เริ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และ Creative Industry Village
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภายหลังประชุมแนวทางบรูณาการพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐ นายอุตตม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณชิย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นจะร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ หรือ Local Economy ให้มีความเข้มแข็งอย่างถาวรและยั่งยืนภายใต้งบประมาณปี 2560
ทั้งนี้ เริ่ม 2 กลุ่มแรก คือ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป กระทรวงพาณิชย์จะเป็นแกนนำบูรณาการทำงาน กลุ่มที่ 2 คือ หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ Creative Industry Village กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นแกนนำ นำร่อง 9 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านออนใต้ จังหวัดเชียงใหม่, ขัวแต๊ะ น้ำเกี๋ยง จังหวัดน่าน, นาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย, บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี, บ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐม, ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง, นาตีน จังหวัดกระบี่, เกาะยอ จังหวัดสงขลา และเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และจะขยายเป็น 77 หมู่บ้านทั่วประเทศที่ผ่านการคัดเลือกจากระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานพัฒนาต่อไป
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ตั้งคณะทำงานที่มีตัวแทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกเอสเอ็มอีที่จะเข้าไปพัฒนาตามนโยบายเศรษฐกิจฐานรากแล้วจะนำรายละเอียดกลับมาเสนอที่ประชุมภายใน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้จะแบ่งงานตามความถนัดของหน่วยงานที่เข้าไปดูแลเศรษฐกิจฐานรากที่จะบูรณาการพัฒนาต่อไป ซึ่งการทำงานอุตสาหกรรมจังหวัดและพาณิชย์จังหวัดจะประสานการทำงานร่วมกันต่อไป
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จะดำเนินการปรับกลุ่มอุตสาหกรรมจังหวัดเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาล ขณะที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ ทำโครงการ SMEs D-Solution ดูแลการพัฒนาเอสเอ็มอีตั้งแต่แผนธุรกิจ กระบวนการผลิตจนถึงการให้สินเชื่อธุรกิจ ผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการเรื่องการตั้ง กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐวงเงิน 20,000 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย