ยอดจำหน่ายสลาก N3 งวดแรก 1.89 ล้านฉบับ

นนทบุรี 1 พ.ย. – สำนักงานสลากฯ เผยประชาชนตอบรับสลาก N3 งวดแรก ยอดจำหน่าย 1.89 ล้านฉบับ ซื้อกว่า 8 หมื่นคน ถูกรางวัล 976 ใบ ยืนยันกระบวนการออกรางวัลโปร่งใส เร่งทำความเข้าใจพร้อมเพิ่มจุดจำหน่าย ก่อนดีเดย์ขายจริงเต็มรูปแบบ งวด 17 มี.ค.68


วันนี้เป็นการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก หรือ สลาก N3 เป็นงวดแรก งวด 1 พ.ย.67 อ้างอิงจากผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (งวด 1 พ.ย.67 รางวัลที่ 1: 536044) เลขรางวัล 3 ตรง : 044 รางวัลละ 7,004 บาท เลขรางวัล 3 สลับหลัก : 404, 440 รางวัลละ 3,065 บาท เลขรางวัล 2 ตรง : 32 รางวัลละ 543 บาท สำหรับเลขรางวัลพิเศษ (แจ็กพอต) : 044000000460 รางวัลละ 240,782.00 บาท

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า สำหรับภาพรวมการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก หรือ สลาก N3 งวดแรก ที่จำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปในระบบทดสอบ (Sandbox) สำนักงานสลากฯ ขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมทดสอบเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่วันแรกที่เปิดจำหน่าย โดยมียอดจำหน่ายในงวดแรกรวม 1,898,869 ฉบับ จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 5 ล้านฉบับ จำนวนผู้ซื้อ 85,468 ราย เฉลี่ยซื้อรายละ 22 ฉบับ ซึ่งเป็นปริมาณใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากในช่วงการทดสอบจำหน่าย มีการกำหนดจุดจำหน่ายอย่างจำกัดผ่านโครงการสลาก 80 จำนวน 647 จุดจำหน่ายเท่านั้น


ทั้งนี้ การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในงวดแรกถือว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ ก็เริ่มเข้าใจระบบการจำหน่าย วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายรางวัลมากขึ้น รวมทั้งขอขอบคุณร้านค้าโครงการสลาก 80 ทั้ง 647 จุดทั่วประเทศ ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ โดยสำนักงานสลากฯ จะขอเก็บข้อมูลผลกระทบ และข้อเสนอแนะต่าง ๆ ให้รอบด้าน ก่อนการพิจารณาในเรื่องตัวแทนจำหน่าย และจะเริ่มจำหน่ายเต็มรูปแบบในเดือนเมษายน 2568”

รศ.ดร.ธรวรรธน์ กล่าวว่า การทดสอบจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลักงวดแรก สำนักงานสลากฯ ได้ให้ความสำคัญในประเด็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ว่าจะกระทบกับการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลักอย่างไร จากการประเมินในเบื้องต้น พบว่าไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ เพราะทั้งรูปแบบ ราคาจำหน่าย และการจ่ายเงินรางวัล มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่อาจจะส่งผลให้สลากที่จำหน่ายเกินราคามาก ๆ ได้รับความสนใจลดลง เพราะผู้ซื้อมีทางเลือกมากขึ้น

ด้าน พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก (สลากN3) ซึ่งอยู่ระยะเวลาทดสอบแบบปิด (Sandbox) โดยยอมรับว่า การจำหน่ายสลาก N3 ในงวดแรก อาจมีจำนวนซื้อไม่มากนัก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความไม่เข้าใจในการซื้อสลาก N3 รวมถึงจุดจำหน่ายมีจำกัด จำนวน 600 แห่ง จาก 900 จุดทั่วประเทศ ซึ่งอาจมีไม่ทั่วถึงกับความต้องการ ดังนั้นในงวดที่สอง สำนักงานสลากฯ อาจจะมีการเพิ่มจุดหน่าย แต่จะต้องมีการประเมินความพร้อมของสลาก 6 หลัก (L6) ก่อน พร้อมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางของสำนักงานสลากฯ ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ต่างๆ และในแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง รวมถึงขั้นตอนการซื้อ 


ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีข้อเรียกร้องให้เพิ่มจุดจำหน่ายให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเหตุผลที่สำนักงานสลากฯ ให้ตั้งจุดขายไปที่ร้าน 80 บาท เพราะว่าต้องการสร้างอาชีพให้คนขายจริงๆ และในช่วง Sandbox ก็ต้องการสร้างความเข้าใจผู้ซื้อ รวมถึงต้องการไม่ให้ยอดขายN3 สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไปกระทบการขายสลาก 6 หลัก (L6)

ขณะเดียวกัน จากเปิดทดสอบจำหน่ายในระบบ Sandbox คาดว่า หลังจากผ่านไป 3 เดือน ยอดขายน่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะประชาชนจะมีความเข้าใจในการซื้อสลาก N3 มากขึ้น ขณะที่สำนักงานสลากฯ จะเริ่มจำหน่ายสลาก N3 อย่างเต็มรูปแบบงวด 1 เมษายน 2568 และเชื่อว่าสลาก N3 จะได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการเปิดรับตัวแทนจำหน่าย N3 รายใหม่นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในแผนของสำนักงานสลากฯ โดยในช่วงแรกจะเปิดโอกาสให้กับผู้จำหน่ายหลัก คือ ผู้ที่จำหน่ายสลากแบบใบ 80 บาทก่อน ถัดไปจะเปิดให้กับผู้จำหน่ายสลากแบบดิจิทัล และผู้พิการ ที่มีอยู่ในระบบจำนวน 6,000 ราย ส่วนการเปิดให้ผู้ค้ารายใหม่ขาย N3 ก็ยังอยู่ในแผนแต่จะเป็นเปิดเมื่อไร สำนักงานสลากฯ อยากให้เป็นลักษณะขยับแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่มีผลกระทบผู้ขายสลากแบบใบ หรือ L6 รวมทั้งต้องการป้องกันผู้ซื้อถูกหลอกการขายแอบแฝง

อย่างไรก็ตาม สำนักงานสลากฯ ยืนยันวัตถุประสงค์ในการออกผลิตภัณฑ์สลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก เพื่อมุ่งเน้นแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา และขอเตือนประชาชน ให้ซื้อสลากเพื่อเสี่ยงโชคในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป พร้อมกันนี้จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในการควบคุมไม่ให้มีการจำหน่ายสลากให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และไม่จำหน่ายใกล้สถานศึกษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก จะอ้างอิงจากผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก ที่ออกรางวัลเดือนละ 2 ครั้ง ในวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน หรือตามที่สำนักงานสลากฯ กำหนด โดยรางวัลสามตรงและสามสลับหลักจะมาจากผลรางวัลเลข 3 ตัวท้ายของรางวัลที่ 1, รางวัลสองตรง มาจากรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ซึ่งจะเพิ่มเติมขั้นตอนการออกรางวัลพิเศษ ในช่วงท้ายภายหลังจากออกรางวัลที่ 1 เสร็จสิ้นแล้ว เป็นการสุ่มหมายเลขจากจำนวนรายการของผู้ที่ถูกรางวัลสามตรงเท่านั้น

ผู้ที่ถูกรางวัลทุกประเภท จะได้รับการเตือนในแอปพลิเคชันเป๋าตัง และสามารถกดรับเงินรางวัลผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ทันที โดยจะต้องมีการชำระค่าอากรแสตมป์ในอัตรา 1 บาท ต่อเงินรางวัล 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท และการรับเงินโดยวิธีการโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีธนาคาร ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]