กรุงเทพฯ 26 ธ.ค.-ผบช.น. เจ้าของฉายา “สำราญ สำเร็จ” คุมมือชิงทอง 3 บาท ห้างทองเยาวราชคู้บอน 2 ย่านคันนายาว วานนี้ (25 ธ.ค.) มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อ้างต้องการเงินใช้หนี้
พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ควบคุมตัวนายศุภวิชญ์ ขันธทัต อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาก่อเหต ควงปืนบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราช ย่านคู้บอนซอย 2 เมื่อช่วงเที่ยง เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.)ได้ทอง 3 บาท ก่อนหลบหนีไป
ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล ร่วมกับฝ่ายสืบสวนนครบาล 2 และสืบสวน สน.คันนายาว จับกุมผู้ต้องสงสัย เป็นชายวัยรุ่น ได้ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านวัชรพลซอย 3 ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพ ก่อเหตุดังกล่าวจริง ต้องการเงินไปใช้หนี้ที่มีอยู่ประมาณ 4-5 หมื่นบาท หลังชิงทองได้นำไปขายที่ร้านทอง 3 แห่ง ย่านรามอินทรา ก่อนนำเงินเข้าบัญชีโอนไปใช้หนี้ และให้ภรรยาอีกบางส่วน ตำรวจจึงแจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน ก่อนควบคุมตัว ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
การทำแผนประกอบคำรับสารภาพเป็นที่สนใจของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยจุดแรก ผู้ต้องหาได้ชี้จุด บริเวณประตูร้านทอง ได้ทำการเปิดประตูเข้าร้าน หลังพนักงานประจำเคาน์เตอร์ปลดล็อก จุดที่ 2 บริเวณเคาน์เตอร์ในร้านทอง ข่มขู่พนักงานประจำร้านชายหญิง 2 คน ให้หยิบทองจำนวน 3 เส้น น้ำหนักรวม 3 บาท ให้ก่อนข่มขู่ ให้พนักงานปลดล็อกประตู เพื่อออกจากร้าน จุดที่ 3 บริเวณซอยคู้บอน 4 แยก 1 ทำการ เปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนปีนกำแพงท้ายซอย ข้ามไปยังซอย คู้บอน 6 ซึ่งนำจอดรถจักรยานยนต์มาจอดไว้ และหลบหนีเข้าถนนรามอินทรา นำทองไปขายร้านทอง 3 ร้าน ร้านละ 1 บาท ก่อนขับรถวนกลับเข้ามาถนนวัชรพล เข้าบ้านพัก ซอยวัชรพล 3
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า การสืบสวนได้ความชัดเจน ประกอบกับผู้ต้องหาให้ความร่วมมือรับสารภาพ ยินยอมชี้จุดที่เกิดเหตุ ซึ่งต้องชื่นชม ทุกหน่วย ที่สามารถร่วมกันแกะรอยคนร้าย จนสามารถพิสูจน์ตัวบุคคลได้ ก่อนเข้าจับกุม และการทำงานร่วมกัน ทำให้งานออกมาดี มีประสิทธิภาพ จับกุมคนร้ายได้รวดเร็วทันใจ ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ตร.
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังฝากไปถึงร้านทอง และธนาคารทุกแห่ง หากผู้ใช้บริการสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า อย่าเปิดประตูให้เด็ดขาด เพราะ 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนร้ายทั้งนั้น ต้องให้ถอดหมวกก่อนจึงเปิดให้เข้าร้านได้ ส่วนพยานหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การจับกุม คือ ภาพกล้องวงจรปิด ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายใช้เป็นเพียงปืนบีบีกันเท่านั้น ไม่ใช่ปืนจริง
ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อยากให้ประชาชนระมัดระวัง ป้องกัน ความปลอดภัยของตนเอง และของบุคคลรอบข้าง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยขอให้ปฏิบัติตามหลัก 5 ป้องกัน ซึ่งประกอบด้วย 1.ป้องกันเคหสถาน 2.ป้องกันตัวเอง 3.ป้องกันยานพาหนะ 4.ป้องกันตัวเองเป็นเหยื่อโซเชียลมีเดีย 5.ป้องกันโควิด และ 4 พร้อม ได้แก่ รถพร้อม ร่างกายพร้อม ข้อมูลเส้นทางต้องพร้อม จิตใจพร้อม และมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง.-สำนักข่าวไทย