สธ. 24 ธ.ค.- อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงมติคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ เดินหน้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก 5-11 ปี และฉีดวัคซีนเข็ม 4 ในกลุ่มคนป่วยโรคเรื้อรัง บุคลากรทางการแพทย์ และตั้ง จนท.เทศกิจ กทม.เป็นพนักงานควบคุมโรค
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงมติของการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า การฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี ด้วยวัคซีนที่ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขึ้นทะเบียน ซึ่งขณะนี้มีวัคซีนตัวเดียวที่ผ่านการอนุมัติ ได้แก่ วัคซีนไฟเซอร์ และ ครม.เห็นชอบสัญญาแผนการจัดซื้อเพิ่มอีก 10 ล้านโดสตามที่ สธ.ได้เสนอไป พร้อมย้ำว่าการฉีดวัคซีนในเด็กนี้ เป็นกลุ่มเด็กอนุบาลและประถมศึกษา โดยการฉีดต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ ใช้โรงเรียนเป็นสถานที่ในการฉีด เบื้องต้นคาดว่ามีเด็กต้องฉีดวัคซีน 5.4 ล้านคน
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังเห็นชอบฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือ เข็ม 4 ในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ประชาชนกลุ่มโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะคนที่มีภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เช่น ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ หรือ คนที่กินยากดภูมิฯ จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นบ่อยกว่าคนทั่วไป ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนเกิน 3 เดือนขึ้นไปแล้ว ดังนั้น เพื่อรับมือโอไมครอน จึงเห็นชอบให้ฉีดเข็มกระตุ้น หากรับซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยเข็ม 3 เป็นแอสตราฯ ก็ให้ฉีดเข็ม 4 เป็นแอสตราฯ หรือไฟเซอร์ ในกรณีที่แพ้แอสตราฯ ส่วนผู้ที่รับซิโนแวค 2 เข็ม เข็ม 3 เป็นไฟเซอร์ เข็ม 4 ก็ขอให้เป็นไฟเซอร์ ซึ่งทุกอย่างเป็นตามความสมัครใจ อย่างไรก็ตาม บุคลากรแพทย์ที่ประสงค์การฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (intradermal) หรือครึ่งโดสก็สามารถทำได้
นพ.โอภาส กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจ ของกทม.ให้เป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เพื่อให้ดูแลพื้นที่ได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น พร้อมเห็นชอบปรับมาตรการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อตับอักเสบชนิดซี โดยตั้งคณะอนุกรรมการนำเอาโมเดลจาก ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปดำเนินการให้เกิดแผนงานระดับประเทศ .-สำนักข่าวไทย