ตร. ส่ง 3 เยาวชน รุมทำร้ายคู่อริ เข้าสถานพินิจ

กรุงเทพฯ 10 ธ.ค.-ตำรวจส่ง 3 เยาวชนเข้าสถานพินิจ หลังรุมทำร้ายคู่อริต่างสถาบันจนกระโดดหนีลงคลองจมน้ำเสียชีวิต ส่วนอีก 1 คน อายุ 18 ปี 12 วัน เข้าข่ายเป็นผู้ใหญ่ อยู่ระหว่างสอบสวน


พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลหลักสอง นำตัวเยาชน 3 คน ไปแถลงต่อศาล และตรวจสอบการการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังควบคุมตัวได้เมื่อคืนนี้ หลังก่อเหตุรุมทำร้าย เยาวชนอายุ 17 ปี ต่างสถาบัน ก่อนกระโดดลงคลองทวีวัฒนา และจมน้ำเสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา ตามขั้นตอนของกฏหมายเด็กและเยาวชน

พันตำรวจโทณภัทร แสนธรรม รองผู้กำกับสอบสวน สน. หลักสอง เปิดเผยว่า ญาติหรือผู้ปกครอง สามารถยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยจะเป็นดุลยพินิจของศาลในการพิจารณา ส่วนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หรือชี้จุดเกิดเหตุ ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นเยาวชน และพนักงานสอบสวนคำนึงถึงความปลอดภัย เกรงว่าหากมีการชี้จุด อาจไม่ได้รับความปลอดภัย


เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, พาอาวุธ (มีด)ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือไม่มีเหตุอันสมควร

สำหรับผู้ต้องหาอีก 1 ราย พบว่ามีอายุ 18 ปี ผ่านมาได้เพียง 12 วัน ถือว่าเข้าข่ายเป็นผู้ใหญ่ จะต้องถูกดำเนินคดีแบบผู้ใหญ่ ซึ่งพนักงานสอบสวนยังสามารถควบคุมตัวได้ ภายในกำหนด 48 ชั่วโมง โดยจะมีการแจ้งข้อหาฐานความผิดเดียวกัน เนื่องจากการมีพฤติกรรมร่วมกัน

ขณะที่สำนักข่าวไทยได้พูดคุยกับญาติของ 1 ในเยาวชน ที่ก่อเหตุเล่าว่าหลานชายคนนี้ มีตนที่เป็นปู่กับย่า เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด จนส่งเข้าเรียนอาชีวะ หลานจะขับรถจักรยานยนต์ไปเรียนทุกวัน มีกลับบ้านช้าบ้างตามประสาตลอดเวลาคิดมาตลอดว่าเมื่อส่งเสียลูกหลานเข้าโรงเรียนแล้วก็จะเบาใจได้เพราะได้รับการดูแลจากสถาบัน อีกอย่างคนเองกับภรรยาก็ทำงานรับจ้างทั่วไปต้องพยายามหาเงินมาจุนเจือครอบครัวไม่มีเวลาเพียงพอที่ตะคอยคิดตามดูพฤติกรรมหลานชาย ส่วนเพื่อนๆ ของหลานชายก็ผลัดกันไปมาหาสู่มาคอยมาค้างคืน หรือ มานั่งเล่นที่บ้าน ซึ่งก็เป็นเด็กปกติ ตอนนี้นอกจากคดีความแล้วตนเป็นห่วงเรื่องการศึกษาของหลานชายมากเพราะเรียนมาจน ปวช. ปี 3 แล้ว พอเกิดเรื่องแบบนี้อาจมีผลกระทบกับการเรียน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง