รัฐสภา 22 พ.ย.- วุฒิสภา รับหลักการร่างกฎหมายคุ้มครองพยาน หลัง รมว.ยุติธรรมและตัวแทนกฤษฎีกาชี้แจงที่ประชุมแสดงความห่วงใยเรื่องการเปลี่ยนชื่อ-สกุลและหมายเลขบัตรประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภา วันนี้ (22พ.ย.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานที่ประชุม ได้พิจารณารับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ… ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว ด้วยเสียง 192 ต่อ 2 และงดออกเสียง 7 เสียง ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นร่างกฎหมายเกี่ยวด้วยการเงิน วุฒิสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ให้ความคุ้มครองและความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ตนพร้อมรับฟังความเห็นของ ส.ว. และพร้อมจะชี้แจง
สำหรับการอภิปรายก่อนรับหลักการ ส.ว. ส่วนใหญ่ ได้ท้วงติงต่อเนื้อหาของ มาตรา 10 ว่าด้วยการคุ้มครองพยานมาตรการพิเศษ กรณีประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุลและหลักฐานทางทะเบียนที่สามารถระบุตัวพยาน รวมทั้งการดำเนินการเพื่อกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามคำขอของพยาน และมีข้อกำหนดให้เจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองพยาน ที่ได้รับอนุมติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยื่นคำขอต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อให้มีคำสั่งต่อกรมการปกครองดำเนินการเปลี่ยนแปลง
มีข้อกังวลว่าจะเป็นประเด็นที่สร้างผลกระทบทางทะเบียนราษฎร และทางเศรษฐกิจ อีกทั้งหากรรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่เป็นผู้อนุมัติกระทำมิชอบ อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ อีกทั้งข้อกำหนดให้ผู้พิพากษาเป็นผู้ออกคำสั่ง อาจทำให้ผู้พิพากษาตัดสินหรือออกคำสั่งไปในทางที่ผิดได้ เพราะต้องเปลี่ยนหมายเลขประจำตัว 13 หลัก ว่าจะทำให้มีปัญหาในทางปฏิบัติต่อกรณีให้อำนาจอธิบดีผู้พิพากศาลอาญา ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ กฎหมายการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 และกฎหมายบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526
ทั้งนี้ตัวแทนกฤษฎีกาชี้แจงต่อที่ประชุม ระบุว่าตั้งแต่การบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา 18 ปี มีการร้องขอเพียง 2 เคสเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ต้องบัญญัติมาตราดังกล่าว เพราะสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนภาคใต้ หรือ ในคดียาเสพติด พบว่ามีปัญหาที่มีความจำเป็นต่อการเปลี่ยนชื่อ-สกุล และหมายเลขประจำตัวประชาชน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของพยาน รวมถึงเครือญาติ.-สำนักข่าวไทย