เร่งคลายปมยิงถล่มเมืองสุพรรณดับ 1 เจ็บ 2

สุพรรณบุรี 2 พ.ย.- เกาะติดคดีการยิงถล่มกันอย่างอุกอาจไม่ต่ำกว่า 10 นัดที่สุพรรณบุรี ขณะนี้ชุดสืบสวนอยูระหว่างตามตัวผู้ร่วมก่อเหตุ ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 6 คน


ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 และ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรสุพรรณบุรี อยู่ระหว่างติดตามผู้ร่วมก่อเหตุขับรถชน และจ่อยิงนายวัชรพงศ์ หรือ “อ๊อฟ” อายุ 30 ปี ชาวตำบลดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เสียชีวิตบนถนน 321 สายอู่ทอง – สุพรรณบุรี หมู่ 4 ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ในเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 2 คน คือนายปวีณกร หรือ “บาส” และนายศักดิ์ดา วะรงค์ หรือ “มี่”

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ “อ๊อฟ” กับ “บาส” ขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส ไปนัดพบกับ “มี่” ที่ซอยทางเข้าวัดภูเขาดิน ตำบลบางกุ้งเหนือ เพื่อสั่งซื้อ “ยาชาเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ” แต่เมื่อถึงเวลานัดปรากฏว่า “มี่” ขี่รถจักรยานยนต์มาพร้อมกับเพื่อนคนหนึ่ง จากนั้นได้มีการเปิดกระจกรถคุยกัน และ “มี่” ได้เอามือไปบิดกุญแจรถเก๋งของ “อ๊อฟ” ก่อนหลบออกมา และจังหวะนั้นปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลไม่ทราบจำนวน ใช้ปืน 9 มม. ยิงถล่มรถเก๋งไม่ต่ำกว่า 10 นัด  ทำให้ “อ๊อฟ” กับ “บาส” ได้ฉวยเอารถจักรยานยนต์ของ “มี่” ที่จอดอยู่ขี่หลบหนีออกมา


ทั้งคู่ขี่หนีออกมาจากจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร ก็ถูกรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ขับตามไปชนอย่างแรง ทำให้รถจักรยานยนต์ไถลไปไกลกว่า 200 เมตร โดยจังหวะนั้น รถฟอร์จูนเนอร์ได้วกกลับมา ก่อนเข้าไปจ่อยิง “อ๊อฟ” เสียชีวิต ส่วน “บาส” ถูกยิงที่แขนหนีลงพงหญ้าข้างทาง และมีพลเมืองดีมาช่วยเหลือ ส่วน “มี่” มีรายงานว่าถูกยิงที่ท้องอาการสาหัส และเพื่อนได้ขับรถฟอร์จูนเนอร์ วนรถกลับมานำตัวไปส่งโรงพยาบาล แต่ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ใดเป็นผู้ก่อเหตุยิง

พลตำรวจโทธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงพื้นที่ประชุมเพื่อคลี่คลายคดี และใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง โดยสั่งให้เร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีและสืบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ให้กระจ่างชัด  อย่างไรก็ตาม สามารถระบุตัวละครได้แล้ว 6 คน ขณะนี้ได้ส่งชุดสืบฯ เข้าไปประกบแล้ว  ซึ่งสั่งให้สืบหาข้อเท็จจริงว่า เหตุใดถึงออกมายิงกันกลางเมือง

ขณะที่อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบริเวณ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เมื่อวานพบว่ามีรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ซึ่งเป็นรถที่ขับชน “อ๊อฟ” กับ “บาส” ขับเข้าไปใน สภ.เมืองฯ จากนั้นชายคนหนึ่งได้ลงจากรถและแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ แต่ยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ส่วนรถคันดังกล่าวถูกคนใกล้ชิดยืมไปใช้งาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 1 คน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นข้อหาใด ส่วนผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุสามารถติดตามตัวมาสอบปากคำได้ 3 คน และมีการเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกด้วย.- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง