ยันร้านอาหารที่จะขายเหล้า-เบียร์ในกทม.ต้องผ่านมาตรฐาน SHA

กรุงเทพฯ 31 ต.ค.- ประเด็นการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ซึ่งเรื่องนี้โฆษก กทม. ออกมาย้ำว่าอนุญาตให้ขายได้เฉพาะร้านอาหารที่ผ่านมาตรฐาน SHA เท่านั้น ขณะที่ผู้ประกอบการบนถนนข้าวสารก็ออกมาโวย เพราะไม่มีร้านไหนเตรียมตัวทัน


ร.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร มีมติในเห็นชอบประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 45) ในการเปิดให้บริการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนนั้น ขอให้ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มดำเนินการปรับปรุงสถานประกอบการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเข้ารับการตรวจประเมินความพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA รวมทั้งเคร่งครัดช่วงเวลาการให้บริการให้อยู่ภายในเวลา 21.00 น. ตามที่กำหนด พร้อมขอให้ร่วมมือผู้ประกอบการขอรับมาตรฐาน SHA เพราะในอนาคตต้องยึดมาตรฐานดังกล่าวเป็นหลัก โดยเฉพาะสถานประกอบการที่มีความเสี่ยง อาทิ ผับ บาร์ คาราโอเกะสามารถทยอยขอล่วงหน้าไว้ก่อนได้ เพราะมีแนวโน้มว่าเดือนหน้าจะผ่อนคลายให้สถานบริการที่มีความเสี่ยงกลับมาเปิดบริการได้ 

สำหรับผู้ประกอบที่มีข้อท้วงติงเรื่องระยะเวลาในการขอรับรองมาตรฐาน SHA ที่ใช้เวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ ซึ่งอาจไม่ทันกับการเปิดให้บริการนั้น โฆษก กทม. เผยหลังเปิดประเทศ และผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้น ทาง ททท. ก็จะมีการเพิ่มจำนวนทีมงาน คาดว่าจะทำให้การดำเนินการรวดเร็วยิ่งขึ้น


(SHA หรือ Safety & Health Administration) คือ แนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานภาคสมัครใจสำหรับผู้ประกอบการ หรือ ข้อกำหนดเบื้องต้นที่สถานประกอบการพึงมี เพื่อป้องกัน COVID-19 ซึ่งมาจากมาตรการด้านสาธารณสุขบวกกับมาตรฐานของสินค้าทางการท่องเที่ยว  ดังนั้นสัญลักษณ์ SHA จะเป็นการรับรองคุณภาพของสถานประกอบการนั้นๆ โดยผู้ประกอบการต้องยื่นเรื่องขอผ่านสมาคม เช่น สมาคมโรงแรม เมื่อได้รับสัญลักษณ์แล้ว ผู้ประกอบการจะถูกประเมินโดยผู้ใช้บริการผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน รวมถึงมีการสุ่มตรวจจากหน่วยงานภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นระยะ

โดยขณะนี้สถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA และ SHA+ ในกรุงเทพมหานคร  มีทั้งหมด 3,386 รายการ

ส่วนขั้นตอนการขอรับมาตรฐาน SHA และ SHA+ 


1.ผู้ประกอบการต้องเข้าไปลงทะเบียนขอรับการประเมินที่ เว็บไซต์ thailandsha.com จากนั้นก็เลือกหมวดหมู่กิจการ ซึ่งมีทั้งหมด 10 กิจการ เช่น เมื่อเลือกกิจการ ภัตตาคาร/ร้านอาหาร  

2.ระบบก็จะให้เรากรอกข้อมูลรายละเอียดของสถานประกอบการ กรอกรายละเอียดตามขั้นตอน 

– ตอบคำถามตามแบบฟอร์ม Checklist

– แนบภาพถ่ายประกอบ

– เอกสารอื่นๆ 

3. สมาคมฯ ก็จะดำเนินการตรวจสอบ Checklist และรับรองผล Checklist   

4. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) รวบรวมขั้นตอนสุดท้าย 

5. จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการมอบตราสัญลักษณ์ 

6. คณะกรรมการฯ สุ่มตรวจสถานประกอบการ 

7. ประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์

ส่วนข้อกำหนดมาตรฐาน SHA สำหรับผู้ประกอบการ (ภัตตาคาร / ร้านอาหาร) ประกอบด้วยอะไรบ้าง 

1. จัดให้มีทางเข้า-ออกทางเดียว 

2. จัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิของพนักงานและผู้รับบริการทุกครั้ง 

3. บันทึกประวัติพนักงาน และประวัติการเดินทาง

4. อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเข้าใช้บริการเท่านั้น

5. จัดให้มีที่ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าร้านอาหาร/จุดชำระเงิน

6. จำกัดจำนวนคนเข้าร้าน 

7. ทำความสะอาดจุดนั่งรับประทานอาหาร ก่อนและหลังการให้บริการ

8. ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของสถานที่และพื้นที่จุดสัมผัสร่วม ทุก 2ชั่วโมง

9. อาหารปรุงสำเร็จ ให้มีการปกปิดอาหาร ใช้อุปกรณ์สำหรับหยิบจับหรือตักอาหาร 

10. จัดให้มีถังขยะที่มีฝาปิด คัดแยกขยะ

11. จัดให้มีการระบายอากาศที่เพียงพอ 

12. จัดให้มีการชำระเงินค่าบริการผ่านระบบออนไลน์ 

13. จัดให้มีการสื่อสาร/ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ อย่างเคร่งครัด

14. ลดการใช้เสียงภายในภัตตาคาร/ร้านอาหาร 

ทางฟากผู้ประกอบการในพื้นที่กรุงเทพ ที่ต่างก็เตรียมสินค้าเหล้า-เบียร์ไว้ให้บริการลูกค้าในวันพรุ่งนี้ ก็ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจ ที่รัฐอนุญาตให้จำหน่ายเหล้า-เบียร์เฉพาะร้านที่ได้มาตรฐาน SHA เท่านั้น เผยไม่มีร้านไหนเตรียมตัวทัน 

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจบนถนนข้าวสาร เผยว่าในถนนข้าวสารมีร้านอาหาร และร้านนั่งดื่มรวมกว่า 100 ร้าน ได้รับผลกระทบจากประกาศฉบับนี้อย่างเต็มๆ เพราะแทบไม่มีร้านไหนลงทะเบียนรับมาตรฐาน SHA เพราะแรกเริ่มที่ทาง ททท.ออกมาให้ข้อมูลเรื่องนี้มุ่งเน้นไปที่โรงแรม  ซึ่งส่วนใหญ่โรงแรมในย่านข้าวสารจะเป็นเกสต์เฮาส์ ส่วนร้านอาหาร ร้านนั่งดื่มก็ไม่ได้รับการแจ้งให้ลงทะเบียน จึงไม่มีร้านไหนได้ดำเนินการ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา หลังประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว ผู้ค้าต่างก็เตรียมกลับมาเปิดร้านในวันจันทร์ 1พ.ย.นี้ แต่เมื่อวานกลับมีคำสั่งให้ขายเฉพาะร้านที่มีมาตรฐาน SHA เท่านั้น ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่ภาครัฐทำไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการที่โดยเฉพาะร้านกินดื่ม ทั้งๆที่ร้านเหล่านี้ไม่ได้มีรายได้มาเกือบ 2 ปี เมื่อจะเปิดประเทศ เหตุใดจึงไม่แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า 

โดยในวันพรุ่งนี้ ผู้ประกอบการบนถนนข้าวสารจะประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันเพื่อนำข้อสรุปไปหารือกับ กทม. พร้อมเตรียมเสนอมาตรการคัดกรองกันเอง บริเวณทางเข้าและออก ที่หัวและท้ายถนน หากใครไม่มีหลักฐานยืนยันได้วัคซีน 2 เข็ม และผลตรวจ ATK ที่เป็นลบ ก็จะไม่ให้เข้า เหมือนที่ทำสำเร็จคัดกรองคนเข้าออกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะถ้าหากรอลงทะเบียน กว่าจะได้รับการประเมินและยืนยันต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ หรืออาจจะมากกว่านั้น ถือเป็นการเสียโอกาส และสูญเสียรายได้ในช่วงที่จะสามารถกลับมามีความหวัง และลืมตาอ้าปาก เป็นจำนวนมหาศาล  คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุป และนำไปเสนอกับ กทม.ภายในสัปดาห์นี้

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พรุ่งนี้เป็นวันแรกที่เปิดประเทศรับผู้เดินทางและนักท่องเที่ยวต่างชาติ และแม้ว่าจะมีการผ่อนคลายกิจการกิจกรรมต่างๆ มากขึ้นในแต่ละพื้นที่ แต่สิ่งสำคัญ คือยังต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะมาตรการส่วนบุคคล ป้องกันตนเอง เว้นระยะห่าง ล้างมือ สวมหน้ากาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ส่วนสถานประกอบการต่างๆ ยังต้องเข้มมาตรการ COVID Free Setting เพื่อให้เป็นสถานที่ปลอดโควิด เปิดประเทศอย่างปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย