กรุงเทพฯ 5 ต.ค.-ภาคประชาชนเรียกร้องกระทรวงมหาดไทย เอาผิดข้าราชการตั้งวงก๊งเหล้าในสถานที่ราชการ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ท่ามกลางโควิดยังระบาดหนัก และผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จากกรณีคลิปข้าราชการตั้งวงดื่มเบียร์ในห้องทำงาน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยในคลิปพบภาพชายหญิง 4 คน มีผู้ชายสวมเสื้อเหลือง1คน และเสื้อยืดแต่ท่อนล่างเป็นกางเกงคล้ายสีกากี1คน ส่วนผู้หญิงมีสวมเสื้อเหลือง1คน และ อีกคนแต่งชุดข้าราชการสีกากี ซึ่งที่โต๊ะมีอาหารและขวดเบียร์ตั้งอยู่หลายขวดนั้น
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ภปค.)กล่าวว่า หลักฐานตามคลิปชัดเจนว่าดื่มในสถานที่ราชการ ถือว่าความผิดสำเร็จ ยังไม่สิ้นอายุความ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 31(3) กำหนดห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ราชการ ยกเว้นที่พักส่วนบุคคล สโมสร หรือการจัดเลี้ยงตามประเพณี ผู้ใดฝ่าฝืนมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากภาพชัดเจนว่าเป็นสถานที่ราชการอย่างแน่นอนไม่ใช่ที่พักส่วนบุคคล หรือสโมสร และที่สำคัญไม่ใช่การจัดเลี้ยงตามประเพณี ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ว่ากล่าวตักเตือนแล้วจบ ยิ่งในช่วงโควิดที่ประชาชนถูกห้ามไม่ให้ตั้งวงกินดื่ม ร้านเหล้าผับบาร์ก็ถูกปิด แต่ข้าราชการกลับละเมิดกติกาเสียเอง น่าละอายใจ ผู้ที่เป็นข้าราชการย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าสถานที่ดังกล่าวมีข้อห้ามอะไรบ้าง
“ที่อ้างว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันนั้น ก็อาจจะมีข้อเท็จจริงอยู่ แต่ไม่สามารถนำมากลบความผิดที่เกิดขึ้นได้ ต้องขอบคุณผู้ที่นำคลิปมาเผยแพร่ด้วยซ้ำ ไม่ควรตั้งธงว่าจะไปเอาผิดกับผู้นำคลิปมาเผยแพร่เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น และเชื่อว่ายิ่งใกล้เลือกตั้ง อบต. เทศบาล ก็อาจมีคลิปทำนองเดียวกันนี้ออกมามากขึ้น ซึ่งก็ควรมองเป็นเรื่องดีเพราะเป็นการตรวจสอบถ่วงดุลกัน กรณีนี้อยากให้กระทรวงมหาดไทย ต้นสังกัดขององค์กรปกครองท้องถิ่นเข้มงวดไม่ควรปล่อยผ่าน ต้องเด็ดขาด” นายธีรภัทร์ กล่าว
ด้านนายวทัญญู แสงแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้ทุกฝ่ายกำลังร่วมมือกันสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 การตั้งวงเหล้าเป็นความเสี่ยงรูปแบบหนึ่ง เป็นการกระจายเชื้อเพิ่มคลัสเตอร์ใหม่ๆ ต้องขอความร่วมมือกันงดเพื่อลดความเสี่ยง และข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่าแอลกอฮอล์มีส่วนสำคัญทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ ประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายลดลง
“พฤติกรรมข้าราชการกลุ่มนี้เป็นการท้าทายและไม่สนใจอะไร ซึ่งหากทำผิดเสียเองแบบนี้ แล้วจะไปขอความร่วมมือจากใครได้ เราไม่อยากเห็นหน่วยงานของรัฐทำผิดกฎหมาย เรื่องนี้จึงต้องทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ลูบหน้าปะจมูก แม้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแต่มันเสียหาย ไม่เหมาะสม ผิดกฎหมาย ผิดวินัย เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีจึงควรลงมาดูในเรื่องนี้ และไม่ควรมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” นายวทัญญู กล่าว.-สำนักข่าวไทย