กทม. 1 ต.ค.-ผู้ว่าฯ กทม. กำชับทุกหน่วยเฝ้าระวังริมเจ้าพระยา พร้อมช่วยเหลือประชาชนทันที
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า เนื่องด้วยกรมชลประทานประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยามีแผนปรับเพิ่มการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาใน อัตรา 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมถึงการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในอัตรา 900-1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยปริมาณน้ำดังกล่าวต้องไหลผ่านเขื่อนพระรามหกเพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบในช่วงวันที่ 1-5 ต.ค.64 ตั้งแต่จังหวัดชัยนาทลงมารวมถึงกรุงเทพมหานคร ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น
เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จึงมีหนังสือสั่งการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานเขตที่มีชุมชนอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ เตรียมวัสดุ อุปกรณ์และเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว เช่น การจัดทำคันกั้นน้ำชั่วคราวกระสอบทราย การทำสะพานทางเดินชั่วคราว การช่วยเหลือประชาชนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ตลอดจนแจกจ่ายยารักษาโรค พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วมทราบเป็นระยะตามตารางน้ำขึ้น-น้ำลง ของกรมอุทกศาสตร์
โดยในส่วนของสำนักการระบายน้ำติดตามสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา พร้อมทั้งตรวจสอบความแข็งแรงและจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สะพานพระราม 7 จนถึงบางนา ความยาวประมาณ 78.93 กิโลเมตร และเรียงกระสอบทรายในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวรและบริเวณแนวป้องกันที่มีระดับต่ำ รวมทั้งตรวจสอบความพร้อมของสถานีสูบน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 97 สถานี และบ่อสูบน้ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งในช่วงน้ำทะเลขึ้น รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังประจำจุด เครื่องสูบน้ำสำรอง เรือผลักดันน้ำ วัสดุอุปกรณ์ กระสอบทราย ตลอดจนเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการเร่งด่วนเคลื่อนที่ (BEST) และอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมปฏิบัติการและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันทีเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านชุมชนที่อาศัยอยู่นอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 11 ชุมชน 239 ครัวเรือน ในพื้นที่ 7 เขต ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ได้สั่งการให้สำนักงานพื้นที่ ประกอบด้วย เขตดุสิต พระนคร สัมพันธวงศ์ บางคอแหลม ยานนาวา บางกอกน้อย และเขตคลองสาน ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนชุมชนและให้เตรียมขนย้ายสิ่งของให้อยู่ในที่สูง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหากเกิดปัญหาระดับน้ำขึ้นสูง นอกจากนี้ได้สั่งการสำนักงานเขตที่มีพื้นที่อยู่ตามแนวริมน้ำเจ้าพระยา สำรวจพื้นที่บ้านเรือนของประชาชน จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในกรณีฉุกเฉินต่างๆ อย่างทันท่วงที
นายภาส ภาสสัมธา ในฐานะประธานคณะกรรมการการระบายน้ำ ประจำสภากรุงเทพมหานคร พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม (Pipe jacking) ถนนพหลโยธิน บริเวณแยกเกษตรศาสตร์ ปัจจุบันได้เปิดใช้งานแล้ว ซึ่งช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในถนนสายหลัก เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำบริเวณถนนพหลโยธินและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนงานก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) รัชวิภา บริเวณสวนสาธารณะใต้สะพานข้ามแยกถนนรัชดาภิเษกตัดถนนวิภาวดี ปัจจุบันงานก่อสร้างได้ผลงาน 81% เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าศาลอาญา เขตจตุจักร ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ จากคลองลาดพร้าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันได้เปิดใช้งานแล้วเช่นกัน ซึ่งช่วยเร่งระบายน้ำในคลองบางซื่อออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยตรง เป็นการลดระยะเวลาในการเดินทางของน้ำและเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย