ลพบุรี 1 ต.ค. – อธิบดีกรมชลประทานระบุ เพิ่มการระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯ เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำหลากจากเพชรบูรณ์และลพบุรี แต่ควบคุมให้มีผลกระทบต่อพื้นที่ตอนล่างให้น้อยที่สุด โดยผลักดันเข้าสู่ระบบชลประทานฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้ไหลลงสู่แม่น้ำนครนายกและบางปะกง แล้วออกอ่าวไทย ช่วยให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาไม่สูงขึ้น
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีน้ำน้ำในอ่าง 1,027 ล้าน ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 107% ของปริมาณเก็บกัก จึงต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำในอัตรา 1,200 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำที่จะไหลมาจากจังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรีอีก ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย กรมชลประทานแจ้งเตือนไปยังประชาชนแล้ว
ทั้งนี้ได้วางแผนบริหารจัดการให้น้ำที่ระบายจากเขื่อนป่าสักไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาให้น้อยที่สุด เพื่อลดภาระด้านท้ายของแม่น้ำซึ่งมีปริมาณมากอยู่แล้ว ด้วยการตัดยอดน้ำที่ระบายจากเขื่อนป่าสักเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำป่าสัก แล้วผันน้ำลงคลองระพีพัฒน์ ให้ไหลสู่แม่น้ำนครนายก จ.นครนายกและแม่บางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วระบายออกทะเลตามลำดับ อีกส่วนหนึ่งจรับน้ำผ่านคลอง 13 คลองพระองค์ไชยานุชิต จากนั้นใช้สถานีสูบน้ำแนวคลองชายทะเลได้แก่ สถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร และสถานีสูบน้ำสุวรรณภมิ จ. สมุทรปราการเร่งสูบน้ำลงอ่าวไทย ซึ่งด้วยศักยภาพที่สามารถระบายน้ำได้ในอัตราสูงมากจึงร่นเวลาที่น้ำท่วมขังให้กลับสู่ภาวะปกติเร็วขึ้น.- สำนักข่าวไทย