กรุงเทพฯ 27 ก.ย. – กรมชลประทานปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อรองรับน้ำจากจังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นต้นน้ำแม่น้ำป่าสัก โดยระยะนี้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง อีกทั้ง คาดการณ์ว่า “พายุโนรู” จะเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง แล้วส่งผลให้มีฝนตกหนักในลุ่มน้ำป่าสักจึงต้องเร่งพร่องน้ำรองรับ โดยส่งหนังสือแจ้งเตือน 3 จังหวัด (ลพบุรี สระบุรี อยุธยา) ให้เฝ้าระวังแล้ว
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า สั่งการให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสัก สำนักงานชลประทานที่ 10 ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จาก 120 ลูกบาศก์เมตร/วินาทีเป็นอัตรา 180 ลูกบาศก็เมตร/วินาที ตั้งแต่วันนี้ (27 ก.ย.) เป็นต้นไป เนื่องจากระยะนี้มีฝนตกต่อเนื่องในจังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำป่าสัก ปัจจุบันในจังหวัดเพชรบูรณ์มีน้ำท่วมขังบางจุด โดยน้ำที่ระบายลงมาจะไหลสู่เขื่อนป่าสัก อีกทั้งคาดการณ์ว่า พายุ “โนรู” จะทำให้มีฝนตกหนักในพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แล้วมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
การระบายน้ำในอัตราดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำป่าสักสูงขึ้นอีกประมาณ 1.30 – 1.50 เมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในลำน้ำ ไม่เกิดสภาวะน้ำล้นตสิ่งแม่น้ำป่าสัก แต่ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีสระบุรี และพระนครศรีอยุธยาให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวย้ำว่า ได้พร่องน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ทำให้ปัจจุบันน้ำในอ่างเก็บน้ำมี 496 ล้านลบ.ม. เทียบกับความจุ 960 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 51% ยังสามารถรองรับน้ำได้ 464 ล้านลบ.ม. นอกจากนี้ยังพร่องน้ำที่หน้าเขื่อนพระรามหก อ. ท่าเรือ จ. พระนครศรีอยุธยาซึ่งอยู่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลงเช่นกันเพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำ เตรียมพร้อมกรณีมีฝนตกหนักหรือมีพายุเคลื่อนผ่านลุ่มน้ำป่าสัก
นอกจากนี้ยังสั่งการให้สำนักงานชลประทานที่ 10 เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือให้พร้อม รองรับสถานการณ์ ตลอดจนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบด้วย.-สำนักข่าวไทย