สำนักข่าวไทย 30 ก.ย.-ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยอมรับเลื่อนเปิดประเทศกระทบความมั่นใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมเสนอรัฐลดค่าใช้จ่ายตรวจโควิดของนักท่องเที่ยวลงอีก และใช้มาตรฐานเดียวกันในพื้นที่แซนด์บ๊อกซ์
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวถึงการเลื่อนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากเดิมที่จะเปิดในวันที่ 1 ตุลาคม ไปเป็นวันที่ 1 พ.ย. 64 ว่า ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านความเชื่อมั่นในมาตรการของไทย และการขายของเอเจนซี่ทัวร์ให้ยากมากขึ้น แต่เข้าใจได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ยัง ไม่น่าไว้วางใจ หากเปิดไปแล้วส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวจะยิ่งส่งผลเสียมากกว่า ทั้งนี้ในช่วงเวลา 1 เดือนที่เหลือก่อนจะเปิดประเทศ มีอีกหลายเรื่องที่รัฐควรเร่งรัดปรับปรุงแก้ไข โดย สทท.ได้เสนอข้อเรียกร้องจากผู้ประกอบการท่องเที่ยว ไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอให้รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายไตรมาส 4 ของปีนี้ อาทิ
การตั้งชื่อแคมเปญเปิดรับนักท่องเที่ยว ควรจะใช้ชื่อเดียวกัน และใช้แนวทางปฏิบัติหรือ SOP ที่เหมือนกันในทุกพื้นที่ เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวสับสน เพราะแคมเปญของแต่ละพื้นที่ ดูไม่ไปในทิศทางเดียวกัน เช่น ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ สมุยพลัสโมเดล ชาร์มมิ่งเชียงใหม่ หรือ หัวหินรีชาร์ต เป็นต้น
2. มีเสียงสะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เรื่องค่าตรวจหาเชื้อโควิดที่มีราคาแพงมาก เสนอให้ปรับวิธีการ คือตรวจแบบ RT-PCR Test เพียงครั้งเดียวเมื่อมาถึง และกำหนดราคาต้องไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนการตรวจหาเชื้ออีก 2 ครั้งขอให้ใช้ชุดตรวจ ATK ในครั้งที่ 2 และ 3 และขอให้คิดค่าตรวจไม่เกิน 200 บาท และต้องให้เป็นราคาเดียวทั่วไทย เพื่อจูงใจ ด้วยการลดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
3.เรื่องการขอใบรับรองการเดินทางเข้าไทยหรือ COE ของนักท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันต้องจองโรงแรมก่อนเท่านั้น ควรเพิ่มให้นักท่องเที่ยวสามารถจองผ่านบริษัทนำเที่ยวได้ด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกมากขึ้น
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยย้ำด้วยว่าระหว่างนี้ภาครัฐต้องจัดสรรวัคซีนลงในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด รวมถึงต้องอัดแคมเปญเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้หนักกว่านี้ ต้องเดินหน้าทำไปพร้อมๆกัน ไม่เช่นนั้นการเปิดประเทศจะเป็นได้เพียงการเปิดเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น แต่ไม่ได้ผลด้านเศรษฐกิจที่ตั้งเป้าไว้ .-สำนักข่าวไทย