หนุนเปิดเมืองปลอดภัยผ่อนคลายล็อกดาวน์กระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 9 ก.ย.-ภาคเอกชนและประชาชนหนุนให้ภาครัฐเปิดเมืองอย่างปลอดภัย ผ่อนคลายล็อกดาวน์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ย้ำรัฐบาลอัดงบเพิ่ม เพื่อช่วยใช้จ่ายภาคประชาชนอย่างเต็มที่

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ทางศูนย์ฯ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนและภาคธุรกิจหลังจากรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา พบว่าทุกฝ่ายมีมุมมองไปในทิศทางเดียวกันคือการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลดีกับภาวะเศรษฐกิจแต่มีเงื่อนไขคือการดูแลในเรื่องของมาตรการป้องกันโควิด-19 ยังคงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฉีดวัคซีน การคัดกรองผู้ป่วยรวมถึงมาตรการที่จะเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมในส่วนของผู้ประกอบการต่างๆ ที่รัฐบาลได้มีการผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมให้สามารถดำเนินการในการเปิดธุรกิจได้


ทั้งนี้ มุมมองของผู้ประกอบการด้านต่างๆที่มีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นมองว่ายังคงฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่แต่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะต้องมีการพิจารณามากขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ค่อนข้างสูง ทั้งในส่วนของภาคธุรกิจที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ยอดขาย กำไรลดลง ในขณะที่ต้นทุนและหนี้สินเพิ่มสูงขึ้น โดยยังไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้

นอกจากนี้ ขณะที่การบริโภคภาคประชาชนนั้นไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีพอ เนื่องจากประชาชนไม่มีเงินในกระเป๋าที่เพียงพอ การเติมเงินให้กับประชาชนจึงถือว่ามีความจำเป็นเพราะในเวลานี้มาตรการที่ผ่านมาไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายได้ โดยมองว่าการเพิ่มเม็ดเงินคนละครึ่งอีก 3,000 บาทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี หากทำได้เมื่อรวมกับ 1,500 บาทที่อนุมัติไว้เดิม จะส่งผลทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีก 1.8 แสนล้านบาท และหากการเปิดเมืองกระตุ้นการท่องเที่ยวประสบความสำเร็จภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในส่วนของการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นได้ในช่วงไตรมาสสุดท้าย อีก 30,000-50,000 ล้านบาท จะช่วยประคองเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัวลงมากเกินไปได้ โดยรัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้ภาคประชาชนสามารถเข้ามาในระบบการใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง