นครราชสีมา 17 ส.ค. – กรณีภรรยา ผอ.รพ. ที่ จ.นครราชสีมา ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งที่ไม่ใช่บุคลากรด่านหน้า พบผิดเงื่อนไขสาธารณสุข เร่งสอบสวนเอาผิดวินัยผู้เกี่ยวข้อง ไม่เกิน 3 วันรู้ผล
นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีภรรยา ผอ.โรงพยาบาล และสามีหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมของโรงพยาบาล ที่ทำงานในคลินิกเอกชน ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ย้ำกรณีที่เกิดขึ้น ผู้บริหารโรงพยาบาลต้องชี้แจงให้ได้ว่าจำเป็นขนาดไหนที่ต้องนำวัคซีนไปฉีดให้คนในคลินิกเอกชน หากเหตุผลไม่พอต้องถูกเอาผิดทางวินัย
ด้าน ผอ.โรงพยาบาล ยืนยันทำตามเกณฑ์ของสาธารณสุขวัคซีนที่เอาไปฉีดภรรยาและสามีหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรม ไม่ได้เบียดเบียนวัคซีนของบุคลากรทางการแพทย์คนอื่น เพราะนอกจากทุกคนได้ฉีดครบตามรายชื่อ 138 คน ยังมีเกินมา 6 โดสด้วย เนื่องจากได้รับจัดสรรจากสาธารณสุขมา 144 โดส แต่ยอมรับในรายชื่อมีบุคลากรในโรงพยาบาล 135 คน และในคลินิกเอกชน 3 คน ซึ่งสามีของหัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม และภรรยาของ ผอ.ก็ทำงานในคลินิก
ล่าสุด นพ.วิชาญ คิดเห็น รองสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนี้ ยืนยันว่าการตวรจสอบพบเป็นการทำผิดเงื่อนไขกฎเกณฑ์ของสาธารณสุขจังหวัดชัดเจน เพราะทั้งคู่ทำงานในคลินิกเอกชนและร้านขายยา ไม่เข้าเกณฑ์เป็นบุคลากรด่านหน้า แต่เรื่องขั้นตอนลัดคิวต้องสอบอีกครั้ง สั่งไปแล้วต้องรู้ผลใน 3 วัน
ทั้งนี้ นพ.วิชาญ ยังย้ำอีกครั้งว่า ก่อนหน้านี้บุคลากรในคลินิกเอกชนได้ร้องขอมาว่า หากมีวัคซีนพอขอให้พิจารณานำมาฉีดให้ด้วย แต่จังหวัดได้วัคซีนลอตแรกมา 15,000 โดส ทั้งที่บุคลากรทั้งจังหวัดมี 17,000 คน ส่วนลอต 2 จะได้อีก 5,000 โดส ซึ่งเรียกว่ายังไม่เพียงพอ
สอบปมภรรยา ตร.เข้าออกด่านไทย-เมียนมา
ส่วนอีกประเด็นที่ต้องตรวจสอบ กรณีชาวเมียนมา ซึ่งเป็นภรรยาของตำรวจ สภ.คลองวาฬ เดินทางผ่านเข้าออกบ้านมูด่อง จังหวัดมะริด ประเทศเมียนมา กับจุดผ่อนปรนด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จนทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ที่ติดเชื้อที่ด่านสิงขรแล้ว 13 คน
จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต บอกว่า ได้ข้อมูลว่า หญิงคนนี้เดิมเป็นไกด์นำเที่ยวด่านสิงขรด้วย แต่เมื่อเกิดการระบาดของโควิดด่านนี้ถูกปิด มีเฉพาะการนำเข้าและส่งออกสินค้าในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้นที่ได้รับการผ่อนปรน ตอนนี้จึงต้องทำหนังสือไปถึงผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ชี้แจงว่าทำไมผู้หญิงคนดังกล่าวถึงเป็นคนเดียวที่เข้าออกชายแดนไทย-เมียนมาได้ในช่องทางปกติได้ และไปด้วยเอกสารประเภทใด. – สำนักข่าวไทย