กทม.6ส.ค.- “สมชัย” ชี้ “ไพบูลย์” ร้อนรนเร่งแก้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ไม่ใช่ 3 ป. หวังเป็นทางรอดในสภา ขี้นัดประชุมรีบเร่งแบบมีนัยยะทางการเมือง เสี่ยงเขียนกฎหมายไม่รอบคอบ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกระบวนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าสัญญานแห่งความร้อนรนในการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา คนที่ร้อนรนมากที่สุดในการผลักดันให้แก้บัตรเลือกตั้งเป็น 2 ใบ กลับไม่ใช่ 3 ป. แต่เป็นนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เพราะกระบวนการในการแก้ไขนั้น แม้จะเร่งเพียงไร ไม่อาจจบในไม่กี่วัน ถึงแก้ไขเสร็จ ก็ยังมีเรื่องการแก้กฎหมายลูก หรือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ. ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมตามอีกหลายมาตรา และกระบวนการพิจารณาต้องผ่านทีละสภา รวมเวลาก็อีกหลายเดือน กว่าจะสร็จสิ้น เกรงว่าอุณหภูมิทางการเมืองจะร้อนจนอาจต้องหาทางออกด้วยการยุบสภาก่อน แผนสองของกลุ่มผู้มีอำนาจจึงมีการเตรียมพรรคการเมืองใหม่เพื่อหาทางออกให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อจากอีกทางหนึ่ง กรณีที่ พปชร. ตกที่นั่งเดียวกับเพื่อไทยในปี 2562
นายสมชัย เห็นว่าการที่นายไพบูลย์ เร่งแก้ไขเพราะไม่อาจเป็นชายสามโบสถ์ คนสามพรรค จำต้องอยู่ที่เดิมและคงไม่คิดจะลง ส.ส. เขต เพราะขนาดติดป้ายหน้าตัวเองทั้งประเทศยังได้คะแนนแค่สี่หมื่นเศษ การลง ส.ส. เขตคงเป็นเรื่องหวังคะแนนยากจากประชาชน การแก้ให้บัตรเลือกตั้งเป็นสองใบ จึงเป็นทางออกส่วนตัว อีกทางหนึ่งที่จะมีที่ทางในสภา เพราะหนทางเป็น ส.ว. ถูกปิด และเมื่อ ส.ส. เขตหวังได้ยาก ส.ส. บัญชีรายชื่อ จึงเป็นทางรอดทางเดียวที่เหลือ การทำงานในฐานะ ประธานกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงรีบเร่งประชุมให้เสร็จใน 5 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 ประชุมไปเมื่อวันพุธที่ 4 สิงหาคม ครั้งที่ 3 วันอังคารที่ 10 สิงหาคม ครั้งที่ 4 วันพุธที่ 11 สิงหาคม และครั้งที่ 5 วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม เป็นครั้งสุดท้าย โดยหวังให้เสร็จภายในปลายสัปดาห์หน้า
“ความรีบเร่งและร้อนรน จึงมีนัยยะทางการเมือง และแฝงความไม่เรียบร้อยและเสี่ยงกับการเขียนกฎหมายสูงสุดอย่างไม่รอบคอบมากมาย แม้ผมจะไม่ใช่คนที่ทำงานทางนิติบัญญัติ แต่คงทนเห็นคนที่ทำงานดังกล่าวออกนอกลู่นอกทางได้ จึงขอใช้เวทีนี้ในการถ่ายทอดความเป็นห่วงไปยัง ส.ส. และ ส.ว. ที่ร่วมเป็นกรรมาธิการ โดยเฉพาะคนชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ในฐานะที่เคยเป็นลูกศิษย์ที่เรียนกับผมมา ไม่อยากให้เสียชื่อถึงอาจารย์” นายสมชัย กล่าว –สำนักข่าวไทย