รัฐสภา 13 พ.ย.-“วันนอร์” รับนัด “พริษฐ์” หารือแก้รัฐธรรมนูญ 27 พ.ย.นี้ บอกพร้อมบรรจุทุกร่างหากไม่ขัด รธน.- ข้อบังคับ ชี้ดูคร่าวๆ ร่างพรรคประชาชนแก้รายมาตรา ก่อนนัดวิป 3 ฝ่ายประชุมสภาฯ ต้น ธ.ค.นี้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน ขอเข้าพบในวันที่ 27 พ.ย.67 เพื่อขอให้ทบทวนบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ตนได้นัดหมายกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามร้องขอมา ในวันที่ 27 พ.ย.67 แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาใด และพร้อมเปิดโอกาสอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่ในกรรมาธิการใด หากอยู่ในอำนาจหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นประธานสภาฯหรือรองประธานสภาฯ เรายินดีที่จะพบ เพราะจะทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประชาชน
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังระบุอีกว่า ทราบจากการให้สัมภาษณ์ของนายพริษฐ์ เป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทางพรรคประชาชนได้ส่งร่าง มา 7-8 ฉบับ และยังมีร่างของรัฐบาลส่งมาอีก ซึ่งตนยังไม่ได้ตรวจสอบว่ามีจำนวนเท่าใด แต่ร่างไหนที่ส่งมาแล้ว หากขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ เราก็ยินดีจะบรรจุและพิจารณา แต่การพิจารณาจะผ่านหรือไม่ เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา เพราะตามรัฐธรรมนูญต้องมีการประชุมร่วม โดยจะเชิญประชุมร่วมกันของวิป 3 ฝ่าย หลังจากที่ได้รับร่างทุกฉบับเรียบร้อยแล้ว ก่อนเปิดสมัยประชุมสภา โดยนัดไว้ในช่วงต้นเดือนธันวาคม เพื่อดูว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมีจำนวนกี่ฉบับ จะใช้ระยะเวลาพิจารณาประชุมกี่วัน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและคุ้มค่า
ส่วนคาดหวังว่าฝ่ายบริหารจะตอบรับเชิญของกรรมาธิการและสนับสนุนเรื่องดังกล่าวอย่างไร หลังจากที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้ตอบรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประธานสภาฯ ระบุว่า เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับว่ากรรมาธิการเชิญใครบ้าง หากไม่มาต้องรายงานถึงผู้บังคับบัญชาสูงสุด เช่น หากเชิญอธิบดีไม่มาต้องรายงานต่อรัฐมนตรี หรือหากเชิญรัฐมนตรีไม่มาต้องรายงานต่อนายกรัฐมนตรี และอาจหารือในที่ประชุมใหญ่ก็ได้ เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังระบุว่า เมื่อเปิดสมัยประชุม จะเหลือเวลาอีก 2 ปีกว่าๆ จะหมดสภาฯ ยุคนี้ อะไรที่ยังค้างคา เช่น กฎหมายประชามติ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งพูดกันว่ามีข้อบกพร่องและทุกคนอยากแก้ ฝ่ายสภาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ จะให้กฎหมายเหล่านี้ มาแก้ไขและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่จะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่การประชุมและการเตรียมพร้อมของพรรคการเมืองทั้งหลาย จึงต้องพูดคุยกัน ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน สร้างความเข้าใจ ตนมองว่า อะไรต่างๆ ที่เป็นปัญหาจะลุล่วงไปด้วยดี ถ้าหากต่างคนต่างพูดคุยกันคนละทิศคนละทาง เป็นปัญหาที่ไม่เสร็จตามที่ประกาศได้ พร้อมยืนยันว่าในส่วนของสภาไม่ต้องห่วง พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ จะพบเมื่อใดก็ได้ แต่ทั้งหมดตนไม่อาจทำได้ตามที่ตนต้องการ หรือสิ่งที่ใครเรียกร้องแต่ต้องดูว่าขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือขัดแย้งต่อที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้วหรือไม่ หรือผิดกับข้อบังคับหรือไม่ แต่หากดูคร่าวๆตามที่รายงานมา ร่างของพรรคประชาชน พยายามไม่ให้ผิดต่อรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับ คือการแก้ไขเป็นรายมาตรา แต่อย่างไรก็ต้องดูในเนื้อหาและรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้น อาจจะพิจารณาว่าจะต้องทำประชามติตอนไหน จึงจำเป็นต้องมีการหารือกัน.-315.-สำนักข่าวไทย