กรุงเทพฯ 5 ส.ค.-ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับคณะเภสัชฯ จุฬาฯ พัฒนาสูตรตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ต้านเชื้อไวรัสสำหรับเด็กและผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด ตำรับแรกในประเทศไทย
วันนี้ (5 ส.ค.) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับ “การพัฒนาและคิดค้นสูตรตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผลิตในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ต้านเชื้อไวรัสโควิดสำหรับเด็ก และผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด ตำรับแรกในประเทศไทย
ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดระลอกนี้ และส่วนหนึ่งเป็นผู้ติดเชื้อเด็กค่อนข้างมาก ภาพรวมพบเด็กติดเชื้อ 10 เปอร์เซนต์จากคนไข้ทั้งหมด โดยเมื่อติดเชื้อแล้วการรักษาไม่ให้อาการหนักเป็น ก็จะต้องได้รับยาต้านไวรัส ฟาวิพิราเวียร์ด้วยความรวดเร็วภายใน 4 วันหลังเริ่มมีอาการ ก็จะช่วยลดความรุนแรง และลดการเสียชีวิตได้
โดยในจำนวนผู้ป่วยเด็กทั้งหมดมีจำนวน 1ใน 3 ที่จำเป็นต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ แต่การให้ยาฟาวิพิราเวียร์ในเด็ก ขณะนี้ต้องใช้วิธีการบดยาละลายน้ำ มีข้อจำกัดยามีตะกอน ปริมาณยาที่ได้รับไม่แน่นอน มีรสชาติขม ติดลิ้น ทำให้เด็กกลืนยาก แต่สำหรับยาน้ำเชื่อมที่ผลิตขึ้น ใช้ได้ง่าย ปริมาณยาคงที่ และมีปริมาตรยามากกว่ายาทั่วไป และกินง่าย
ยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์สามารถใชัในเด็กอายุต่ำกว่า 5-7 ปี หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถกลืนยาเม็ดได้ โดยการให้ยาจะให้วันละ 2 ครั้ง ห่างครั้งละ 12 ชั่วโมง ส่วนปริมาณที่ให้จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักของเด็ก และเฉลี่ยการใช้ยาจะอยู่ที่ 5 – 10 วัน ตามวิจารณญานของแพทย์ผู้รักษา
โดยก่อนหน้านี้ได้มีการทดลองใช้ยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ในคนไข้เด็กของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ช่วงอายุ 8 เดือนถึง 5 ปี จำนวน 12 ราย จากการติดตามการรักษา พบว่าผลตอบสนองต่อการรักษาได้ดี และไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรง
สำหรับกำลังการผลิตยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ขณะนี้ สามารถผลิตและแจกจ่ายให้ผู้ป่วยประมาณ 300 คนต่อสัปดาห์ ในอนาคตหากโรงพยาบาลใดที่มีความพร้อมในการผลิต สามารถขอสูตรตำรับยาดังกล่าวไปผลิตได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลเรื่องคุณภาพ ส่วนแพทย์ หรือสถานพยาบาล สามารถขอรับยาได้ผ่านทางช่องทาง www.favipiravir.cra.ac.th ได้ .-สำนักข่าวไทย