กทม.-4 ส.ค.- ตำรวจไซเบอร์ จับหนุ่ม หลอกขายวัคซีนทางเลือก ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซ้ำเติมประชาชน มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 200,000 บาท
ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอม บช.สอท. ซึ่งสั่งการให้ชุดสืบสวน บก.สอท.1 และ บก.สอท.2 ร่วมกันสืบสวนหาตัวคนร้ายในคดีหลอกลวงขายวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ผ่านทาง facebook โดยใช้ชื่อ “สิทธิพงษ์ ทองฮุย” และ “แจ็ค กี้ ” รวมทั้ง กลุ่ม facebook : “จองวัคซีนที่ไหนได้บ้าง? วัคซีนทางเลือกจองได้ที่ไหน?” โดยมีผู้เสียหายกว่า 50 คน มูลค่าความเสียหาย กว่า 200,000 บาท ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19
ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายฐาปกรณ์ แก้วศรี อายุ 20 ปี เป็นคนร้ายในคดีดังกล่าว และได้มาพักอยู่ที่โรงแรม “หอพักสบาย” เลขที่ 25/1 หมู่ 4 ต.เกาะสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จว.ปราจีนบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบ นายฐาปกรณ์ฯ อยู่หน้าห้องพักเลขที่ 5 จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้น โดยแสดงความบริสุทธิ์ใจก่อนทำการตรวจค้น นายฐาปกรณ์ฯ ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ใช้บัญชี facebook จำนวน 7 บัญชี ชื่อ “สิทธิพงษ์ ทองฮุย” , “กิตติพงษ์ บางประอินทร์”, “Thapakorn kaewsri”, “อัพ มาแพนดี้”, “ฐาปกรณ์ แก้วศรี”, “Yutthana Kawirai” เและ “แจ็ค กี้” ทำการโพสต์ข้อความหลวกลวงขายวัคซีนป้องกันโควิท 19 ตามกลุ่ม facebook สาธารณะต่างๆ จนวน 4 กลุ่ม เช่น “ลงทะเบียนวัคซีนทางเลือก ชิโนฟาร์ม” “มาฉีดวัคซีนกันเถอะ” “จองฉีดวัคซีนที่ไหนได้บ้าง? วัคซีนทางเลือกจองได้ที่ไหน?” “วัคซีทางเลือกชิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ซึ่งตนเองไม่ได้มีวัคซีนดังกล่าวแต่อย่างใด โดยเงินที่ได้จากการหลอกลวง ตนเองนำไปใช้เล่นเกมส์ออนไลน์ และใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งการกระทำดังกล่าว ได้เริ่มกระทำผิดในครั้งนี้มาเป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน พร้อม สามารถตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์ มือถือ 1 เครื่อง (2 ซิม) และ เงินสด จำนวน 8,000 บาท
โดยผู้ต้องหา ทำที่หลอกขายวัคซีนทางเลือก เช่น โมเดอร์น่า ซิโนฟาร์ม ในราคา 3,300 บาทจากการแอบอ้างว่ามีสิทธิ์ จากการจองซื้อวัคซีนทางเลือก กับทางโรงพยาบาลเอกชน แล้วมีสิทธิ์เหลือ จึงนำมาจำหน่ายให้กับผู้เสียหายที่สนใจหลงเชื่อ ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายหลายราย กว่า 50 คน บางรายถูกหลอกจ่ายเงินมัดจำและบางรายจ่ายด้วยเงินเต็มจำนวน มูลค่าความเสียหาย กว่า 200,000 บาท ซึ่งจะนำข้อมูลทางการเงินมาขยายผลโดยละเอียด เนื่องจากผู้เสียหายบางรายอาจมองว่าเป็นเงินจำนวนน้อย จึงไม่ได้ติดตาม แต่หากมีจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกหลายราย เป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็จะมีมูลค่าความเสียหายที่สูง ซึ่งจะใช้นำไปประกอบการดำเนินคดี
เบื้องต้น จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า นายฐาปกรณ์ฯ พึ่งได้รับการพ้นโทษจำคุก ในข้อหา ฉ้อโกง หลวงลวงขายสินค้าออนไลน์ มาเมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 ที่ผ่านมา โดยศาลมีคำพิพากษา ลงโทษจำคุก 3 ปี รับสารภาพเหลือจำคุก 1 ปี 6
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงแจ้งข้อกล่าวและดำเนินคดี ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน ป.อาญา ม.343” และ “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(1)” พร้อมนำตัว ผู้ต้องหาและของกลาง ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.โชคชัย จว.นครราชสีมา ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ ไปยังพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพ ที่แฝงตัวมาในโลกออนไลน์ โดยยึดหลัก “คิดก่อน เช็คก่อน” เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ รวมทั้ง ขอให้รับฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการและจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ โดยใช้ดุลยพินิจและวิจารณญาณในการรับฟัง ข้อมูลข่าวสารทางช่องทางต่างๆ หากพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1441 ได้ในวัน เวลาราชการ และหมายเลขโทรศัพท์ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย