ตำรวจไซเบอร์แถลงทลาย 2 เครือข่ายเงินกู้ดอกโหด

บช.สอท. 26 มี.ค. – ตำรวจไซเบอร์แถลงผลทลาย 2 เครือข่ายเงินกู้ดอกโหด จับเพจรับจำนำ iCloud ดอกร้อยละ 240 ต่อปี พบเงินหมุนเวียน 3 เดือน กว่า 10 ล้านบาท พร้อมรวบอดีตนักการเมืองท้องถิ่น รับจำนำรถ-ปืน ดอกร้อยละ 120 ต่อปี


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงผล “ทลาย 2 เครือข่ายเงินกู้ดอกเบี้ยโหด“ รวบ 2 ผู้ต้องหาปล่อยเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

เครือข่ายแรกเป็นเพจจำนำ iCloud ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 240 ต่อปี สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบพบว่ามีเพจ Facebook ชื่อ “Care Apple Phone ซื้อขายฝาก iPhone รับซ่อมครบวงจร” โพสต์ประกาศให้กู้เงินด่วน พร้อมติดแฮชแทค #จำนำไอคราว #ฝากไอคราว #ปล่อยกู้ไอโฟน จากการสืบสวนทราบว่า เพจดังกล่าวปล่อยเงินกู้โดยคิดดอกเบี้ยทั้งแบบรายวัน, รายอาทิตย์และรายเดือน โดยจะให้ผู้กู้ถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือส่งให้ทาง Messenger เพื่อประเมินราคาโทรศัพท์ แล้วให้ล็อคเอาท์บัญชี iCloud เดิม จากนั้นก็จะล็อกอินบัญชี iCloud ใหม่ พร้อมให้รหัส iCloud กับผู้กู้ไว้ แต่หากผู้กู้ไม่ชำระเงินตามกำหนด บัญชี iCloud ก็จะถูกล็อครหัสและไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้


หลังจากประเมินราคาแล้ว ผู้กู้ก็จะถูกหักเงินงวดแรกไว้ก่อน 10% เช่น ประเมินได้ในราคา 6,000 บาท ก็จะได้รับเงินจริง 5,400 บาท โดยคิดดอกลอยเดือนละ 1,200 บาท และจำกัดส่งดอกเพียง 6 งวด โดยงวดที่ 7 จะต้องส่งเงินต้น 6,000 บาท รวมกับดอกเบี้ย 7,200 บาท คิดเป็นร้อยละ 20 ต่อเดือน หรือร้อยละ 240 ต่อปี แต่หากผู้กู้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนด หรือผิดสัญญาชำระเงินก็จะไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้

เพจ Facebook ดังกล่าว เปิดมานานเกินกว่า 1 ปี มีลูกค้าประมาณ 600 – 1,000 คน จากการตรวจสอบพบว่าภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน มีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท โดยมีการจดทะเบียนนิติบุคคลชื่อ “ห้างหุ้นส่วนจำกัดแคร์โฟน 65” โดยมีนางสาวเมธาวี อายุ 26 ปี เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ แต่ไม่ได้มีการขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อเป็นนิติบุคคลแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นร้าน Care Apple Phone ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี และจับกุมผู้ต้องหาได้ พร้อมของกลางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ / โทรศัพท์มือถือ / และเอกสารสัญญาขายฝาก

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ให้บุคคลกู้ยืมเงินเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้”


ส่วนอีกเครือข่ายเป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่นที่รับจำนำรถ และปืน ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 120 ต่อปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีอดีตนักการเงินท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่เมืองขอนแก่น มีพฤติกรรมปล่อยเงินกู้ รับจำนำรถยนต์ และอาวุธปืนผิดกฎหมาย จึงทำการสืบสวนตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา กระทั่งทราบว่าบุคคลดังกล่าว คือ นายศักดิ์ชาย หรือ เอส อายุ 54 ปี เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงได้ขออำนาจศาลตรวจค้นเป้าหมาย 2 จุด ในพื้นที่ ต.สาวะถี อ. เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เป็นบ้านพักและโกดังของนายศักดิ์ชาย ผลการตรวจค้น พบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. 2 กระบอก กระสุนปืน 54 นัด อีกทั้งยังพบหนังสือสัญญาจำนำรถ หลักฐานค้างจ่ายค่าจำนำรถ กระดานไวท์บอร์ดที่มีข้อมูลการจำนำรถ และรถยนต์ที่รับจำนำมาจากประชาชนทั่วไปอีก 18 คัน

ตรวจสอบเบื้องต้นอาวุธปืนดังกล่าวเป็นปืนมีทะเบียนไม่ใช่ของนายศักดิ์ชาย โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นของคนอื่นนำมาฝากไว้ ส่วนรถยนต์ก็รับจำนำมาเช่นกัน มีการคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือร้อยละ 120 ต่อปี โดยมีการทำสัญญาทั้งแบบลายลักษณ์อักษร และสัญญาปากเปล่า เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมด และมีการแจ้งข้อกล่าวหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวน เบื้องต้นนายศักดิ์ชายเคยถูกดำเนินคดีในลักษณะนี้มาแล้ว ครั้งหนึ่งแต่กลับมาทำซ้ำอีก ซึ่งครั้งนี้จะมีการพิจารณาไปตามกฎหมาย และต้องนำประวัติเสนอต่อพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาลงโทษกรณีทำผิดซ้ำต่อไป

นอกจากนี้ยังมีการปฏิบัติอีก 25 ปฏิบัติการของตำรวจไซเบอร์ สอท.1 ถึง สอท.5 ในการทลายเว็บพนัน 4 เว็บ เงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาทต่อปี, จับเครือข่ายเพจปลอม หลอกลงทุนทองฮั่วเซ่งเฮง, ขายอาวุธปืนผ่านออนไลน์ และมิจฉาชีพหลอกเป็นเข้าหน้าที่การไฟฟ้า หลอกติดตั้งแอปดูดเงิน เป็นต้น โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 28 ราย ส่งดำเนินรดีตามกฎหมาย

จากสถิติการรับแจ้งความตั้งแต่ 1 มกราคม จนถึงปัจจุบัน มีการแจ้งความเฉลี่ย 937 ต่อวัน ความเสียหายกว่า 5,000 กว่าล้าน เฉลี่ยเสียหายกว่า 64 ล้านบาทต่อวัน อันดับที่ 1 ยังคงเป็นการหลอกซื้อสินค้าและบริการ.-420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]