บช.สอท. 28 มี.ค. – “กามิน” แจ้งความตำรวจไซเบอร์เอาผิดเพจเฟซบุ๊กและเว็บไซต์อวตาร โพสต์รูปและข้อความใส่ร้าย ทำเสียชื่อเสียง
“จี กามิน” อินฟลูเอนเซอร์สาวชาวเกาหลีใต้ พร้อมทนายความ และล่ามแปลภาษา เข้าพบ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ และพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเพจเฟซบุ๊กและกลุ่มบุคคลที่โพสต์รูปและข้อความใส่ร้ายในประเด็นต่างๆ หลายประเด็น จนทำให้เกิดความเสียหาย
นายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความของกามิน เปิดเผยว่า วันนี้มาร้องทุกข์กล่าวโทษเพจเฟซบุ๊กและเว็บไซต์อวตารต่าง ๆ ที่นำข่าวของกามินไปโพสต์ ใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเฟซบุ๊กและเว็บไซต์เหล่านี้ ไม่สามารถตรวจสอบถึงบุคคลที่เป็นเจ้าของเว็บหรือเพจได้ จึงต้องมาแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ให้ช่วยตรวจสอบ และดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ส่วนกรณีที่เกิดการพูดกันอย่างแพร่หลายในสื่อโซเชียลนั้น นายพรชัย กล่าวว่า เริ่มเกิดตั้งแต่กามิน ได้เลิกรากับ แน็ก ชาลี และก็ทำให้มีประเด็นอื่น ๆ ตามมา ซึ่งหากเป็นแค่การพูดคุย แสดงความคิดเห็นก็พอรับได้ แต่หากเป็นการพูดให้เกิดความเสียหาย ใส่ร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายไทยคุ้มครองทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
ด้าน กามิน เปิดเผยผ่านล่ามแปลภาษาว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก ที่มีข่าวทำให้เกิดความเสื่อมเสียออกมา แต่ขอขอบคุณแฟนคลับที่มาให้กำลังใจ และยังติดตามผลงานของตัวเองมาตลอด ขอขอบคุณตำรวจไซเบอร์ที่คอยดูและรับแจ้งความในคดีนี้ ส่วนผู้ที่ใส่ร้ายยังไม่ขอพูดถึง
สำหรับ กามิน เป็นอินฟลูเอนเซอร์สัญชาติเกาหลี ที่มักจะมีการไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ก่อนที่จะถูกเชิญมารับงานร่วมกับแน็ก ชาลี ในประเทศไทย จนเกิดเป็นกระแสคู่จิ้นที่โด่งดัง แต่ไม่นาน ทั้งคู่ก็เลิกรากัน ทำให้กามินเดินทางกลับเกาหลีไปช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งตลอดเวลาระหว่างนั้นก็มีประเด็นดราม่าหลายเรื่องเกิดขึ้น ทำให้เจ้าตัวต้องตัดสินใจกลับไทยมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนปีที่แล้ว และทยอยดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเรื่อยมา
ภายหลังการเข้าแจ้งความ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้แจ้งความกับเจ้าของบัญชี จำนวน 4 บัญชี ที่นำภาพไปตัดต่อ โพสต์ข้อความทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 16 นำภาพผู้อื่นไปดัดแปลง ตัดต่อ ให้ได้รับความเสียหายและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาท เพิ่มด้วย
ส่วนการขยายผลไปถึงผู้เป็นเจ้าของบัญชีมาดำเนินคดี ทางตำรวจมีวิธีในการติดตามช่องทางถึงแม้จะเป็นช่องทางที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพยายามที่ไม่ให้เชื่อมโยงไปยังบุคคลก็ตาม. -419- สำนักข่าวไทย