กรุงเทพฯ 22 ก.ค. -นายกฯ ประชุม คอนเฟอเรนซ์ คณะกรรมการขับเคลื่อน 5G เห็นชอบโครงการนำร่องอัจฉริยะด้านการเกษตร การแพทย์ การเดินทาง การท่องเที่ยว และการบริการ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 (ผ่านระบบ Video Conference) โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วม
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแก้ปัญหาของประเทศที่เกิดขึ้นขณะนี้ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัล 5G มาใช้ในการทำงานและแพตลฟอร์มต่าง ๆ เทคโนโลยี 5G เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่จะเป็นโอกาสขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 จะต้องมีการถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ที่ประสบผลสำเร็จ เช่น การนำร่อง Smart Hospital ณ โรงพยาบาลศิริราช การทำเกษตรดิจิทัล ณ ศูนย์ฝึกอบรมผาหมี จ. เชียงราย รวมทั้งต้องทำให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสในการใช้ประโยชน์จาก 5G อย่างเท่าเทียม ส่งเสริมคนรุ่นใหม่ หรือ Startup ให้ตระหนักถึงการดำเนินงานขับเคลื่อน 5G ของภาครัฐ และทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันในการสร้างกำลังคนด้านดิจิทัลให้เพียงพอและมีทักษะในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในการปฏิบัติงานได้
นายอนุชา กล่าวว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาและเห็นชอบการดําเนินโครงการนําร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบสําหรับให้บริการประชาชน (5G District) จังหวัดเชียงใหม่ ใน 2 ด้าน ด้านการเดินทาง (5G Mobility) การสร้างบริการผ่านการให้บริการในแอปพลิเคชันเดียว อาทิ รถเมล์ รถแดง รถแท็กซี่รถตู้รับจ้าง รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถเช่า และรถรับจ้างอื่นๆ เป็นต้น และด้านสุขภาพ (5G Healthcare) จัดตั้ง 5G Hospital ยกระดับอุปกรณ์ Telemedicine ในพื้นที่ห่างไกลให้รองรับเทคโนโลยี 5G และใช้อุปกรณ์ Digital Health ต่าง ๆ เพื่อช่วยให้แพทย์และ/หรือ บุคลากรทางการแพทย์สามารถทําการวินิจฉัยอาการทางไกล
นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการ 5G Use Case ระบบในการคัดกรองและแจ้งเตือน สําหรับ Phuket Sandbox เตรียมความพร้อมในการเปิดเศรษฐกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต โดยมอบหมายให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นผู้ดําเนินการ พร้อมมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการบูรณาการระบบการลงทะเบียนนักท่องเที่ยวให้เป็น single sign-on เพื่อลดการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังรับทราบและติดตามความคืบหน้าโครงการนำร่องการใช้ประโยชน์ 5G ของประเทศไทยในระระยะสั้น ได้แก่ 1.โครงการนำร่องเกษตรดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี 5G ณ ศูนย์ฝึกอบรมผาหมี จ.เชียงราย และ 2.โครงการนำร่องโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) ณ โรงพยาบาลศิริราช โครงการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ในภาคอุตสาหกรรม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมความคืบหน้าโครงการนำร่องการใช้ประโยชน์ 5G ของประเทศประเทศไทยในระระยะสั้น รวมทั้งโครงการนำร่องเกษตรดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี 5G ณ ศูนย์ฝึกอบรมผาหมี จ.เชียงราย พร้อมแนะให้มีการขยายการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวไปในพื้นที่อื่นด้วย ส่วนโครงการนำร่องโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) ณ โรงพยาบาลศิริราช ให้เน้นคุณภาพบริการและรักษาพยาบาลตั้งแต่ระบบปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ ซึ่งต้องให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงระบบบริการรักษาพยาบาลอย่างเพียงพอทั่วถึง สร้างความเท่าเทียมในด้านโอกาสและเป็นธรรม โดยขยายการดำเนินการไปสู่โรงพยาบาลอื่น ๆ ต่อไปด้วย
นายอนุชา กล่าวอีกว่า ก่อนสิ้นสุดการประชุม นายกรัฐมนตรีย้ำว่าขณะนี้โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI ประเทศไทยต้องมีการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้ให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิด รวมถึงการเตรียมทรัพยากรบุคคลให้มีขีดความสามารถศักยภาพเพิ่มขึ้นรองรับการพัฒนาประเทศและเทคโลยีดิจิทัล ผลิตคนให้สอดคล้องการความต้องการของตลาดและผู้ประกอบการ ควบคู่กับการสร้างเรียนรู้และฝึกอบรมคนหรือแรงงานไทยที่ยังเข้าไม่ถึงเทคโนโลยีให้สามารถที่จะทำงานร่วมกับเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ เพื่อสามารถที่จะอยู่ได้และไม่เกิดปัญหาคนตกงานตามมาภายหลัง และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานของประเทศในอนาคตด้วย.-สำนักข่าวไทย