พล.ต.ท.ศานิตย์ – ไทยเบฟฯ ปัดเรื่องที่ปรึกษา

28-2-2560 15-51-37สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน 28 ก.พ.-  พล.ต.ท.ศานิตย์ ส่งหนังสื่อชี้แจงผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่ได้เป็นที่ปรึกษาไทยเบฟฯ ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. เป็นความผิดพลาด อ้างไม่ได้เตรียมเอกสารด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับไทยเบฟฯ ระบุ ไม่ได้จ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์ ส่วน ป.ป.ช.ยังไม่ส่งรายละเอียดมาให้


นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว ภายหลังการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน วันนี้  (28 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหนังสือชี้แจงของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีถูกกล่าวหาว่ารับเงินเดือนที่ปรึกษา จากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน เดือนละ 50,000 บาท เข้าข่ายความผิดต่อจริยธรรม และกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  พร้อมกับหนังสือชี้แจงของบริษัท ไทยเบฟฯ

นายรักษเกชา กล่าวว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ ชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา  จึงไม่มีการรับเงินในตำแหน่งดังกล่าว ส่วนที่มีการแจ้งการรับเงินเดือนดังกล่าวไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. อาจจะมีความผิดพลาด เพราะได้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเตรียมเอกสารและยื่นให้ โดยไม่ได้ทำด้วยตัวเอง จึงอาจมีความเข้าใจผิด ขณะที่ บริษัท ไทยเบฟฯ  ชี้แจงว่า ไม่ได้จ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์ เป็นที่ปรึกษาของบริษัทฯ


อย่างไรก็ตาม  นายรักษเกชา กล่าวว่า ป.ป.ช.ยังไม่ได้ส่งสำเนาหนังสือรายละเอียดชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.ท.ศานิตย์ ที่ ผู้ตรวจการแผ่นดินขอไป   ทราบว่า  ป.ป.ช.จะมีการนำเข้าที่ประชุมในวันที่ 2 มี.ค.นี้ ก่อนที่จะมีการส่งมาให้  หากผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับหนังสือดังกล่าว ก็จะนำเข้าที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินโดยเร็ว ก่อนที่รัฐธรรมนูญใหม่จะประกาศใช้

“แม้ก่อนหน้านี้จะมีหนังสือรายละเอียดชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.ท.ศานิตย์ ในรายการรับเงินที่ปรึกษาบริษัทไทยเบฟฯ ปรากฏทางสื่อ แต่ผู้ตรวจการฯ ก็ต้องรอดูเอกสารจากหน่วยงานที่เป็นเจ้าของเอกสาร คือ ป.ป.ช. ซึ่งจะมีการเซ็นรับรองเอกสาร ดังนั้น ขณะนี้จึงบอกไม่ได้ว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ผิดหรือถูก เพราะถ้าเอกสารของ ป.ป.ช. ยืนยันว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ มีการแจ้งรับเงินที่ปรึกษาดังกล่าว ผู้ตรวจการฯ ก็ต้องถาม พล.ต.ท.ศานิตย์ อีกรอบ เพื่อให้ยืนยันว่า ได้มีการตรวจสอบ ก่อนที่จะเซ็นรับรองการแจ้งบัญชีทรัพย์สินก่อนหรือไม่ เพราะผู้ที่เซ็นรับรองถือว่าต้องเป็นผู้รับผิดชอบ” นายรักษเกชา กล่าว

นายรักษเกชา  กล่าวว่า ส่วนจะเป็นการตกลงกันระหว่าง พล.ต.ท.ศานิตย์ กับบริษัท ไทยเบฟฯ หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการระบุไม่ตรงข้อเท็จจริง จะเป็นการให้ข้อมูลเท็จกับ ป.ป.ช.หรือไม่ เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ต้องพิสูจน์ เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย        .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง