สหรัฐ 1 มี.ค.-ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวปราศรัยต่อสภาคองเกรสครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่ง โดยตอกย้ำสโลแกนหาเสียงของเขา ที่ว่าจะทำให้สหรัฐอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
สุนทรพจน์ต่อสภาครั้งแรก ของนายทรัมป์ กินเวลา 1 ชม.เศษๆ โดยเขาได้ประนามการโจมตีสุสานชาวยิวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสหรัฐ ในขณะนี้รวมถึงประนามเหตุโจมตีทางเชื้อชาติ ในรัฐแคนซัส ซึ่งส่งผลให้ชายอินเดียต้องเสียชีวิตลง การกล่าวปราศรัยของทรัมป์ในช่วงไพรม์ไทม์ ที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศมีขึ้นเพื่อกอบกู้เรตติ้งของเขาที่ดิ่งลงอย่างหนัก นับตั้งแต่สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐได้พูดถึงการปฏิรูป กฎหมายคนเข้าเมือง ที่จะมีการสกรีนให้รอบคอบมากขึ้น เพื่อทำให้คนอเมริกันปลอดภัย และสงวนตำแหน่งงานไว้ให้พลเมืองสหรัฐ ขณะที่การเปิดรับผู้อพยพจะกลั่นกรองอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทรัมป์ยังคงย้ำจุดยืนเดิมในการถอนตัวออกจากข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือ TPP รวมถึงการเดินหน้าแผนการก่อสร้าง กำแพงกั้นระหว่างพรมแดน สหรัฐ-เม็กซิโก ทรัมป์ย้ำว่าสหรัฐสนับสนุนนาโต้ แต่สมาชิกนาโต้ ก็ต้องร่วมรับผิดชอบแบกรับภาระค่าใช้จ่ายอย่างเท่าเทียมกันด้วย พร้อมกันนั้นก็ตอกย้ำนโยบายลดภาษีสำหรับชนชั้นกลาง และขอให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ทรัมป์ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง เมื่อเขาประกาศกลางสภาว่าจะกำจัดไอเอสให้หมดไปจากโลก
โพลของเรียลเคลียร์ โพลิติกส์ ระบุว่าเรตติ้งของทรัมป์เวลานี้ต่ำมาก เมื่อเทียบกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐในยุคใหม่ทุกคน นั่นคือมีชาวอเมริกัน เพียง 44 % เท่านั้น ที่คิดว่าทรัมป์ดำเนินนโยบายมาถูกทางแล้ว และในการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ Fox News เมื่อเร็วๆนี้ ทรัมป์บอกว่าเขาให้เกรดตัวเอง A บวก สำหรับความพยายามในการบริหารประเทศให้ดี แต่ให้เกรดตัวเอง C หรือ C บวก ในเรื่องการสื่อสารกับประชาชน โดย 1 เดือนในตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ เขาต้องเสียหน้าหลายเรื่อง ทั้งการที่ถูกศาลสั่งระงับคำสั่งของเขาที่แบนพลเมือง 7 ชาติมุสลิม เดินทางเข้าสหรัฐเป็นการชั่วคราว รวมถึงการต้องปลด ที่ปรึกษาระดับสูงออกจากตำแหน่ง.-สำนักข่าวไทย