ปธ.สภาพัฒน์ฯ มองไทยเสี่ยงถูกตอบโต้การค้าจากสหรัฐฯ

ชลบุรี 23 พ.ย.-ประธานสภาพัฒน์ฯ มองไทยเสี่ยงถูกตอบโต้ทางการค้าจากสหรัฐฯ หลัง “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง คาดขึ้นภาษีก่อน เรียกเจรจารายประเทศ เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวกดดันผลิต-ส่งออกไทยด้วย ชี้หนี้ครัวเรือน-SMEs ยังพุ่ง

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไทย” ในการสัมมนา หอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ที่จังหวัดชลบุรี โดยระบุว่าความมั่นคงของเศรษฐกิจไทย ต้องได้มาจากการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศและต้องจัดการกับ ความท้าทายที่เข้ามากระทบภายในประเทศ ประกอบด้วย 3 ข้อ คือ 1) ต้องบริหารความเสี่ยงจากความมั่นคงของประเทศที่สั่นคอนโดยเห็นได้จากสงครามระหว่างประเทศ 2) นโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่เสื่อมลงในช่วง 2-3 ปีหลังที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยังมีปัญหาที่รอการแก้ไขของประเทศไทย 6 ปัญหาหลัก ได้แก่


1.หนี้ครัวเรือนและหนี้ SMEs ที่มีระดับสูง ทำให้กำลังซื้อในประเทศลดลง เพิ่มความเหลื่อมล้ำในประเทศ
2.ประชาชนไทย เข้าสู่สังคมสูงอายุทำให้ GDP มีแนวโน้มขยายตัวช้าลง 0.8-1% ต่อปี และขาดแคลนแรงงานมากเกิน ภาระในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น
3.คุณภาพของการศึกษาถดถอยลงมาโดยตลอด
4.ภาคเกษตรขาดประสิทธิภาพ ผลผลิตต่ำคิดเป็น 9% ของ GDP
5.ราคาพลังงานแพงกว่าประเทศคู่แข่ง และการพึ่งพาการนำเข้าแก๊สธรรมชาติและน้ำมันดิบเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 9% ของ GDP ส่งผลให้ประเทศไทยจะเผชิญความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์
6.การขาดดุลงบประมาณ สัดส่วนการจัดเก็บภาษีลดลง 15% ของ GDP แต่รายได้ประจำเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังประสบความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลต่อนโยบายทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงและความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบาย

ทั้งนี้ ปัญหาใหม่ที่ประเทศไทยต้องประสบจาก 2 มหาอำนาจระหว่างจีน-สหรัฐฯ ในส่วนของประเทศจีน กำลังพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยการเร่งส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเป็นเรื่องรอง โดยมุ่งเน้นส่วนแบ่งตลาดการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของทุกประเทศ ส่งผลให้กดดันกำลังการผลิตและการส่งออกสินค้าของประเทศไทยด้วย 


นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีนโยบายและมาตรการกีดกันทางการค้าที่ชัดเจน ซึ่งประเทศไทยจะอยู่ในประเทศที่เกินดุลของสหรัฐฯ ถึง 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ของประเทศไทย คิดเป็นมูลค่า 10% ของ GDP ซึ่ง ทรัมป์ มองว่าจากการที่ประเทศต่าง ๆ เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นการที่สหรัฐฯ ถูกเอาเปรียบ ถูกโกงจากประเทศต่าง ๆ โดยจะมีนโยบายการปรับภาษีนำเข้าจากประเทศเกินดุล 10-20% และจะเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศจีนสูงถึง 60% รองลงมา คือสหภาพยุโรปเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

โดย ประเทศไทย เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 12 และขึ้นบัญชีประเทศไทยแล้ว ทั้งนี้ สหรัฐฯ จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 10-20% และจะมีการเจรจากับประเทศต่าง ๆ เป็นกรณีไป นอกจากนี้ ประเทศไทย เก็บภาษีศุลกากรนำเข้าเฉลี่ยจากสหรัฐฯ ประมาณ 9.7% โดยจะถูกจับตามองเป็นพิเศษโดยเฉพาะสินค้าเกษตรของประเทศไทยที่เก็บภาษีผักผลไม้นำเข้าจากสหรัฐฯ สูงเป็นพิเศษ 20-30% อีกทั้ง ประเทศไทยได้มีการห้ามนำเข้าเนื้อหมู เนื้อวัว โดยอ้างถึงสารเนื้อแดง ทำให้สหรัฐฯ ตัดสิทธิ์ GSP ไทยเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นเป้า จากนโยบายการเก็บภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมกันนี้ นายสก็อตต์ เบสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ว่านโยบายการเก็บภาษีศุลกากรจะสร้างอำนาจต่อรองของสหรัฐฯ กับนานาประเทศซึ่งจะสอดคล้องและส่งผลกระทบกับประเทศไทยโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกทั้ง ความเสี่ยงที่จะการเกิดสงครามการค้าโดยรวมของทั่วโลกจะทำให้การค้าหดตัวลง โดยหากเกิดขึ้น จะกระทบกับประเทศไทย เนื่องจากพึ่งพาการส่งออกถึง 50% ของ GDP ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายของสหรัฐฯ คือ ผลกระทบด้านความมั่นคงและด้านดอกเบี้ยกับประเทศไทย ในส่วนด้านความมั่นคงนั้น สหรัฐฯ ต้องการให้ประเทศพันธมิตรจ่ายเงินสนับสนุนการป้องกันประเทศของตนเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระทางทหารของสหรัฐฯ ตลอดจนนโยบายการเพิ่มภาษี และนโยบายการเนรเทศคนต่างด้าว 11 ล้านคน ของ ทรัมป์ จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เงินเฟ้อลดลงช้า ดอกเบี้ยสูงขึ้น และนโยบายการลดภาษีนิติบุคคลและการลดภาษีคนรวยจะส่งผลให้ขาดดุลงบประมาณและดอกเบี้ยระยะยาวสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้กระทบประเทศไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม


สำหรับ ปัญหาที่คั่งค้างของประเทศไทย ทั้งปัญหาหนี้สินครัวเรือนและหนี้สาธารณะในระดับสูง และข้อจำกัดของนโยบายการคลัง โดยแนวทางในการจะแก้ไขของประเทศไทย คือ ต้องทำให้ GDP ของประเทศเติบโตได้อย่างเร็ว ทั้งจากปัจจัยภายนอกประเทศที่ต้องพยายามป้องกันภัยคุกคามต่าง ๆ  และปัจจัยในประเทศ คือ ความพยายามในการจะเพิ่มประสิทธิภาพปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะการนำเข้าพลังงานที่ควบคุมได้ยาก ซึ่งประเทศไทย ต้องเร่งลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ การลงทุนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตลอดจนการทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกาย ที่แข็งแรงและสามารถทำงานได้นานขึ้น หรือเสียชีวิตเร็วเพื่อลดภาระในการดูแล เป็นต้น

หากพิจารณาถึงกลยุทธ์ในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไทยจากการจัดลำดับซอฟต์พาวเวอร์ของไทย พบว่า ประเทศไทยมีจุดแข็ง ได้แก่ ความคุ้นเคย ชื่อเสียง ธุรกิจและการค้า มรดกทางวัฒนธรรม ผู้คนและค่านิยมของคนไทย ในส่วนจุดอ่อน ได้แก่ การศึกษาและธรรมาภิบาล เป็นต้น พร้อมทั้งอาหารก็ถือเป็นจุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของประเทศไทย ที่จะต้องพยายามสร้างประสบการณ์และเน้นการให้บริการที่มีมูลค่าสูง สำหรับภาคบริการ ทุกประเทศในโลกผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมเป็นหลักจะปรับเปลี่ยนมาเป็นการพึ่งพาภาคบริการที่มากยิ่งขึ้น เห็นได้จากมูลค่าภาคบริการ เช่น สหรัฐฯ คิดเป็น 70% ของ GDP ขณะที่ประเทศไทย คิดเป็น 58.5% ของ GDP และจีน คิดเป็น 54.6% ของ GDP เป็นต้น โดยภาคอุตสาหกรรม จะต้องหันมาพัฒนาในกลุ่มเฉพาะทางและมีความสามารถในการแข่งขัน เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ การผลิตเครื่องมือแพทย์ อาหารเชิงสุขภาพ บรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอาง ผ้าไหม แฟชั่นเมืองร้อน ซึ่งต้องพัฒนาคุณภาพให้ตรงความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจะต้องพึ่งพาจุดแข็งด้านซอฟต์พาวน์เวอร์ ด้วยการแปลงสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน.-516.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

นักวิชาการชี้เลือกตั้งนายก อบจ.ไม่ใช่ภาพสะท้อนเลือกตั้งใหญ่

การเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผ่านพ้นไปแล้วทั้ง 47 จังหวัด ขณะนี้รอประกาศผลอย่างเป็นทางการจาก กกต. แต่ผลที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าผู้สมัครที่มีเครือข่ายพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุนได้ชัยชนะหลายจังหวัด แต่นักวิชาการชี้ว่ายังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นภาพชัดถึงผลสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตได้

เปิดใจ 5 ตัวประกันคนไทย บอกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่

เปิดใจ 5 ตัวประกันคนไทย บอกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ได้ชีวิตใหม่ ไม่สิ้นเคยหวัง เชื่อว่าต้องได้กลับบ้านในสักวัน เผยอยากกินลาบ-ซอยจุ๊

ดาวเทียมพบฝุ่นหนักในอาเซียน หลายประเทศทะลุ 190 AQI

ดาวเทียมพบฝุ่นหนักในอาเซียน “เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย” หลายประเทศทะลุ 190 AQI ส่วนไทย อีก 2 วัน มีลมแรงช่วยพัดฝุ่นกระจายตัวดีขึ้น ด้าน ปภ.ช. สั่งพรุ่งนี้ (3 ก.พ.) ดีเดย์ ทุกหน่วยทั่วประเทศเคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” ฝ่าฝืนจับสถานเดียว