กรุงเทพฯ 21 มิ.ย.-จับผู้ต้องหาอ้างเป็นตำรวจชุดคลี่คลายคดี “น้องชมพู่” เรี่ยไรเงินแฟนคลับแม่น้องชมพู่ มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร จับกุม นายพรเทพ พุ่มสะอาด หรือเดี่ยว อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุอ้างเป็นตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู เรี่ยไรเงินจากแฟนคลับแม่น้องชมพู ซึ่งมีประชาชนหลงเชื่อโอนเงินให้เป็นจำนวนมาก หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจรับทราบเบาะแสว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมดังกล่าวจึงนัดแนะให้ผู้ต้องหามาแสดงตัว และควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำ
ต่อมาหนึ่งในผู้เสียหาย เข้าชี้ตัวผู้ต้องหาพร้อมกับเปิดเผยว่า ตนเองเป็นแฟนคลับของแม่น้องชมพู่ โดยในกลุ่มของตัวเองมีสมาชิกกว่า 6,000 คน ผู้ต้องหาหลอกว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวนคดีน้องชมพู่โดย นำป้ายของตำรวจมาแขวนคอและโพสต์ลงในโซเชียล จนทำให้มีผู้หลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหา เฉพาะในส่วนของกลุ่มของตนเองรวมแล้วจำนวนกว่า 300,000 บาท ส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะเป็นผู้หญิง และอยากจะช่วยเหลือแม่น้องชมพู่ในการคลี่คลายคดี แต่ตนเองไม่ได้ถูกหลอก เพราะเห็นความผิดปกติของผู้ต้องหา จึงท้าทายให้ไปเจอกับตนเองที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย ผู้ต้องหากลับไม่ปรากฏตัว ซึ่งทางตำรวจจังหวัดมุกดาหารระบุว่าผู้ต้องหาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่กล่าวอ้าง
จนกระทั่งพบว่าผู้ต้องหามีคดีเกี่ยวกับเช่าซื้อรถจึงนำข้อมูลมาแฉเพื่อจะเป็นประโยชน์ไม่ให้มีผู้ถูกหลอกอีกพร้อมกับอยากให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความไม่ต้องอาย เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาไปหลอกลวงประชาชนคนอื่นอีกต่อไป
ขณะที่ นายพรเทพ หรือเดี่ยว ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า ต้องการนำเงินที่บริจาคจากแฟนคลับของแม่น้องชมพู่ไปร่วมทำบุญทอดกฐิน ปฏิเสธว่าไม่ได้นำเงินไปใช้ส่วนตัว ยอมรับว่าตัวเองอ้างเป็นตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดมุกดาหารจริง ส่วนเงินที่รับบริจาคได้ยอดเงินสดประมาณ 100,000 บาท และได้นำเงินไปมอบให้วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนรถตู้มูลค่า 400,000 บาท ที่ตำรวจยึดเป็นของกลางได้มาจากการคุยแชทกับหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนคลับแม่น้องชมพู่ที่อยู่ในต่างประเทศ และเป็นผู้โอนเงินมาให้
พลตำรวจตรี อัศวยุทธ นุชพุ่ม รักษาการผู้บังคับการนครบาล 2 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหายังคงให้การภาคเสธซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้ แต่จากการสืบสวนสอบสวนตำรวจมีหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาจำนวน 3 ข้อหา คือ อ้างเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และข้อหาฉ้อโกง ส่วนข้อหาฉ้อโกงประชาชน ต้องดูจำนวนของผู้เสียหายว่ามีจำนวนมากพอที่จะแจ้งได้หรือไม่
โดยพฤติกรรมของผู้ต้องหาพบว่ามีการแสดงตัวเป็นตำรวจยศดาบตำรวจ สร้างโปรไฟล์ถ่ายรูปกับรถตำรวจ พร้อมกับบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอยู่ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แฟนคลับหลงเชื่อ และโอนเงินมาให้ จึงอยากฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อกับกลุ่มมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจในคดีน้องชมพู่เพื่อมาหากิน ซึ่งทำให้ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง.-สำนักข่าวไทย