ซิดนีย์ 27 พ.ค. – รัฐวอตอเรีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย จะเข้าสู่การล็อกดาวน์เป็นเวลา 1 สัปดาห์เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนเกือบ 7 ล้านคนต้องอยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นต้องออกไปทำกิจธุระจำเป็น
การล็อกดาวน์ครั้งใหม่จะเริ่มต้นในเวลา 23.59 น. ของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 20.59 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยที่หลังจากล็อกดาวน์แล้ว ประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเพื่อไปทำธุระจำเป็น ธุระเกี่ยวกับสุขภาพ จับจ่ายซื้อสิ่งของจำเป็นสำหรับการอุปโภค-บริโภค ออกกำลังกาย หรือไปรับการฉีดวัคซีน นายเจมส์ เมอร์ลิโน รักษาการมุขมนตรีของรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า ขณะนี้มีหลักฐานบ่งชี้ว่า รัฐวิกตอเรียกำลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิดที่กลายพันธุ์ที่สามารถติดต่อกันได้ง่าย ซึ่งมีการระบาดอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยพบมา นายเมอร์ลิโน กล่าวว่า การติดตามเส้นทางการระบาดของโควิด-19 พบว่า มีผู้ที่อยู่ในข่ายที่ต้องเข้ารับการกักตัวเพื่อดูอาการ เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสและแยกกักตัว มากกว่า 10,000 ราย เขากล่าวว่า จำนวนคนกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การระบาดแบบกลุ่มก้อน หรือ คลัสเตอร์ใหม่ในนครเมลเบิร์น ตรวจพบเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 26 รายในวันนี้ หลงัจากที่ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อ 12 ราย ในระยะเวลาข้ามคืน การล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่นำมาตรการคุมเข้มกลับมาใช้ที่นครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิกตอเรีย เมื่อไม่กี่วันก่อน ซี่งจำกัดจำนวนผู้ที่มารวมตัวกัน บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในภัตตาคาร โรงแรมและสถานที่ในร่มต่าง ๆ จนถึงวันที่ 4 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ติดตามเส้นทางของคลัสเตอร์ล่าสุด ซึ่งเป็นกลุ่มแรกในรัฐวิกตอเรียในรอบกว่า 3 เดือน พบว่าต้นตอเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ติดเชื้อสายพันธุ์อินเดีย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าคนไข้รายนี้ติดเชื้อมาได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย