คุมประพฤติพร้อมรับพักโทษ EM ลดแออัดเรือนจำ

กรมคุมประพฤติ 20 พ.ค. – กรมคุมประพฤติ พร้อมรับนโยบายพักโทษติด EM แต่ต้องตรวจเชื้อปลอดโควิดก่อนพ้นคุก เผย ปัจจุบันผู้ถูกคุมประพฤติใช้ EM 5.1 หมื่นราย ติดตามพฤติกรรมตลอด 24 ชั่วโมง


นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า กรมคุมประพฤติ พร้อมรับนโยบายการพักการลงโทษเพื่อลดความแออัดในเรือนจำ และใช้วิธีติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม ติดตามตัว โดยได้ทำหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์ ขอให้ส่งนักโทษที่ได้เข้าโครงการพักโทษ ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกรายก่อนปล่อยพ้นจากเรือนจำมาใส่กำไลอีเอ็ม โดยให้เป็นแนวปฏิบัติก่อนเข้าสู่การคุมประพฤติแทนการจำคุก ซึ่งปกติมีรอบพิจารณากรณีพักการลงโทษตามโครงการต่างๆและติดกำไลอีเอ็มเฉลี่ยวันละ500-1,000คนทั่วประเทศ

อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวอีกว่า กรมคุมประพฤติได้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว มาใช้เป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจำคุกตั้งแต่เดือน ก.ย.63 เพื่อควบคุมและเฝ้าระวังพฤติกรรมของผู้กระทำผิดไม่ให้กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก ปัจจุบันติดกำไล EM ให้ผู้กระทำผิดในกลุ่มเป้าหมายไปแล้วกว่า 51,610 ราย ประกอบด้วย ผู้ถูกคุมความประพฤติ ผู้ได้รับการพักการลงโทษและลดวันต้องโทษจำคุก และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์


ซึ่งผู้กระทำผิดที่ติดกำไลEM จะมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EMCC) ติดตามพฤติกรรมของผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด หากมีการฝ่าฝืนหรือผิดเงื่อนไขจะปรากฏสัญญาณแจ้งเตือนมายังศูนย์ฯ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานแบบเรียลไทม์ ทำให้ติดตาม ยับยั้งการกระทำผิดได้ โดยที่ผ่านมามีหลายกรณีที่สามารถติดตามตัวผู้กระทำผิดได้จากข้อมูลที่ปรากฏในระบบของศูนย์ควบคุมฯ ทำให้กระบวนการสืบสวนและสอบสวนของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกิดประสิทธิภาพ ช่วยลดปัญหาอาชญากรรมในสังคมและนำไปสู่การจับกุมตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ในที่สุด

นายวิตถวัลย์ กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิดในเรือนจำ จึงมีการนำกำไลEM มาใช้กับนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับการพักการลงโทษและลดวันต้องโทษจำคุก ซึ่งจะสามารถลดความแออัดในเรือนจำ ช่วยลดสภาวะความเสี่ยงในการติดเชื้อ เป็นมาตรการทางเลือกแทนการจำคุก จะสร้างประโยชน์ในหลายมิติ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง