สธ. 17 พ.ค.- “อนุทิน” แจงไม่หวนล็อกดาวน์ เปิดช่อง 4 จังหวัด ผ่อนคลายนั่งกินอาหารในร้าน แต่ขอให้ตระหนักซื้อกลับไปกินที่บ้านเป็นหลัก พร้อมหนุนหน่วยงานติดต่อ คร.นำวัคซีนไปฉีดเอง เพื่อความรวดเร็ว แจงนิยาม walk in เป็นตัวเสริมสำหรับผู้ลงทะเบียนแล้วไม่มาตามนัดหมาย และไม่ห่วงติดเชื้อในเรือนจำ เพราะอยู่ในระบบ จัดวัคซีนแอสตราฯ ไปฉีดในชุมชนและเรือนจำ เพื่อหวังสร้างภูมิ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า กระบวนการขอรับและฉีดวัคซีน ยังทำใน 3 ช่องทาง ได้แก่ หมอพร้อม ที่ลงทะเบียนผ่านไลน์และแอปพลิเคชัน, ลงทะเบียนผ่าน อสม. หรือนัดหมายกับ รพ. และลงทะเบียนฉีดกับองค์กร เพื่อขอให้รัฐ (กรมควบคุมโรค) ให้การสนับสนุนจัดหาวัคซีนให้ และไปทำการฉีดในองค์กร บริษัทห้างร้าน หรือเหล่าทัพ โดยอาจจ้างบุคลากรของ รพ.เอกชน มาช่วยฉีด จะช่วยให้การฉีดเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการฉีดขยายไปในกลุ่มครอบครัวอีกด้วย ซึ่งหากหน่วยงานหรือองค์กรประสงค์จะฉีดวัคซีน ก็สามารถติดต่อทำหนังสือมายังกรมควบคุมโรค เพื่อรอรับการฉีด
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนเรื่องการ walk in ฉีดวัคซีน ยืนยันไม่ได้แซงคิวกลุ่มคนที่นัดหมายล่วงหน้าผ่านหมอพร้อม แต่สามารถคู่ขนานกันได้ กรณีที่กลุ่มผู้ที่นัดหมายฉีดไม่มาตามนัดหมาย เพื่อให้วัคซีนที่จัดเตรียมไว้ได้ใช้และคงประสิทธิภาพ
ส่วนเรื่องสถานการณ์การติดเชื้อในปัจจุบัน ยอมรับว่าเกิดคลัสเตอร์จำนวนมาก ทั้งแคมป์คนงานก่อสร้าง (อิตาเลียนไทย) และเรือนจำ จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อมาก แต่ยังสามารถควบคุมได้อยู่ในระบบ และได้มีการหารือร่วมกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ตลอด เพื่อให้การช่วยเหลือ โดยจะต้องมีการระดมฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้ต้องขัง เพื่อลดอัตราการแพร่และติดเชื้อ เช่นเดียวกับการติดเชื้อในชุมชน ที่ต้องมีการระดมฉีดวัคซีนเช่นกัน โดยจะใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา ในการฉีดเพื่อหวังสร้างภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น ลดการแพร่เชื้อ
นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า แม้สถานการณ์การติดเชื้อในขณะนี้จะยังไม่ลดลง แต่ก็จำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการใน 4 จังหวัด กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ เพื่อให้ภาคธุรกิจได้เดินหน้าต่อ และต่อลมหายใจคนหาเช้ากินค่ำ จะเห็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในขณะนี้ภาพรวม 9,000 คน ติดเชื้อในเรือนจำ 6,000 คน แต่เป็นคน กทม. 1,000 คนเท่านั้น อีกทั้งสัดส่วนการติดเชื้อรอบนี้ พบการติดเชื้อสีเขียว ร้อยละ 70 สีเหลือง ร้อยละ 20 และสีแดง ร้อยละ 10 จึงไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ แต่การรับประทานอาหารในร้าน ที่ผ่อนคลายให้สามารถรับประทานได้ร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของร้าน ก็ขอให้ระมัดระวัง และเน้นการสั่งอาหารไปรับประทานที่บ้านเป็นหลัก
ส่วนมาตรการอื่นยังขอให้เข้ม ทั้งการเวิร์กฟอร์มโฮม และยังต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ ขณะที่ธุรกิจอื่น อย่าง ผับบาร์ ยังไม่อนุญาตให้เปิด แต่หากพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น จึงต้องมาล็อกดาวน์อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย