สนามบินสุวรรณภูมิปรับพื้นที่เช็กอินเป็นสถานที่ฉีดวัคซีน

สนามบินสุวรรณภูมิ 1 พ.ค. – สนามบินสุวรรณภูมิปรับพื้นที่เช็กอินผู้โดยสารไปเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้าของธุรกิจการบิน ตั้งเป้าฉีดให้ได้จำนวน 30,000 คน ขณะที่เหลือผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศเฉลี่ยไม่ถึง 1,000 คนต่อวัน เป็นชาวต่างชาติร้อยละ 60 ไทยร้อยละ 40 แต่ไม่มีจากอินเดียแล้ว


ภายในอาคารผู้โดยสารขาออกของสนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณประตู 9และ 10 ที่เคยเป็นส่วนรองรับผู้โดยสารขาออกในการเช็กอินกับสายการบินต่างๆ ได้ถูกปรับเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด้านหน้าที่เกี่ยวข้องกับการพบปะผู้โดยสาร ทั้งพนักงานสายการบิน เจ้าหน้าที่การท่าฯ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร คาร์โก้ แม่บ้านทำความสะอาด โดยมีผู้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็ม 2 แล้ว จำนวน 3,400 คน จากจำนวนเป้าหมายทั้งหมด 30,000 คน

ที่เคาน์เตอร์เช็กอินผู้โดยสาร ถูกปรับเป็นจุดลงทะเบียน วัดความดัน ซักประวัติความเสี่ยง ฉีดวัคซีนไปจนถึงการลงระบบติดตามหลังฉีด ผู้ทำหน้าที่เหล่านี้คือเหล่าจิตอาสาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทการท่าอากาศยานไทย พนักงานจากสายการบินต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนกันมาทำหน้าที่ ส่วนการฉีดเป็นหน้าที่ของบุคลากรการแพทย์ของการท่าฯและโรงพยาบาลบางพลี จ.สมุทรปราการ


นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่าการปรับพื้นที่อาคารผู้โดยสารให้เป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากสามารถจัดให้มีระยะห่างทางสังคม รองรับการฉีดวัคซีนได้ประมาณ 1,000 คนต่อวัน กลุ่มเป้าหมายคือบุคลากรทุกหน้าที่ในการให้บริการผู้โดยสารซึ่งถือเป็นบุคลากรด่านหน้า ซึ่งได้ประสานงานการฉีดวัคซีนกับ นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขมาตรวจความเรียบร้อย และได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่จิตอาสาของ บ.ท่าอากาศยานฯ และทุกสายการบิน มาร่วมมือกันปฏิบัติงาน ส่วนการฉีดให้ครบจำนวนเป้าหมาย ขณะนี้กำลังรอวัคซีนรอบต่อไปจำนวน 27,000 โดส หากได้ตามกำหนดคาดว่าจะฉีดได้ครบภายในเวลา 1 เดือน

นายกิตติพงศ์ ยังกล่าวถึงความพร้อมในการใช้สนามบินสุวรรณภูมิมาเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของ ศบค.แต่ได้วางแผนกับนายแพทย์ณรงค์ว่า เนื่องจากพื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิยังต้องใช้งานบริการผู้โดยสารอยู่ไม่สะดวกในการรองรับประชาชนทั่วไป จึงได้ดูสถานที่ที่อยู่ใกล้เคียง สะดวกในด้านการเดินทาง ลานจอดรถ คืออาคารของสถานีดับเพลิงสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีห้องประชุมติดตั้งเครื่องปรับอากาศ หากมีการมอบหมายสั่งการมาก็พร้อมดำเนินการ

ส่วนสถานการณ์การเดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจุบันมีตัวเลขผู้โดยสารขาเข้าวันละไม่ถึง 1,000 คน แบ่งเป็นชาวต่างชาติร้อยละ 60 ชาวไทยร้อยละ 40 ส่วนไฟลท์บินจากประเทศอินเดีย มีเพียงด้านขนส่งสินค้า ไม่มีเที่ยวบินแบบผู้โดยสารหรือแบบเช่าเหมาลำแล้วตามคำสั่งของรัฐบาล ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้าคำสั่งในวันที่ 1-26 เมษายน 2564 มีผู้โดยสารเดินทางมาจากประเทศอินเดียรวม 401 คน. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ กับมีลมแรง โดยมีอากาศเย็นในตอนเช้าในภาคเหนือและภาคอีสาน ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง

คุมตัวสาวใหญ่โหดฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ทำแผนฯ

ตร. คุมตัวสาวใหญ่โหด ลวงเพื่อนฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าตัวสำนึกผิด ฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ยอมรับทำเพราะติดหนี้พนันออนไลน์

Drone video captures severe flooding caused by super typhoon Man-Yi in the Philippines

ฟิลิปปินส์น้ำท่วมหนัก หลังไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” ถล่ม

มะนิลา 18 พ.ย. – ฟิลิปปินส์เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ หลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ (Man-yi) พัดถล่มเกาะลูซอน ช่วงสุดสัปดาห์ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ในรอบ 1 เดือน ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดคลื่นสูง 7 เมตรบริเวณริมชายฝั่ง ส่งผลกระทบประชากรกว่า 760,000 คน และทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนูเอวาเอซีฮา ทางตอนกลางของเกาะลูซอน ที่มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ยเกือบ 1 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มและสาธารณูปโภคพังเสียหายมากมาย ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พายุหม่านหยี่เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วง 1 เดือน ทั่วทั้งประเทศต้องตื่นตัวเพื่อรับมือภัยพิบัติด้วยมาตรการต่าง ๆ.-812(814).-สำนักข่าวไทย