กองทัพบก 4 ม.ค.-รองโฆษก คสช. เผยมาตรการลดอุบัติเหตุ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” 6 วัน ยึดรถจากดื่มแล้วขับ 4,208 คัน ชี้อุบัติเหตุช่วงปีใหม่เกิดจากความไม่พร้อม-ความประมาทของผู้ขับขี่ เตรียมนำข้อมูลไปพิจารณาแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เข้าสู่วันสุดท้ายของมาตรการลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือระมัดระวังในการเดินทาง แต่ก็ยังคงมีการเกิดอุบัติเหตุในบางพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกส่วนจะเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการความปลอดภัยของการใช้เส้นทางให้มากขึ้น โดยเฉพาะรถบริการสาธารณะ ด้วยการตั้งจุดตรวจตามเส้นทางและบริเวณสถานีขนส่ง หรือจุดเชื่อมต่อคมนาคม เพื่อให้มาตรการดูแลความปลอดภัยมีความเข้มข้นยิ่งขึ้น
รองโฆษก คสช. กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการลดอุบัติเหตุที่ยังคงดำเนินการต่อเนื่องคือ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” โดยในวันที่ 3 มกราคม 2560 ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับดังนี้ รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 14,143 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถจักรยานยนต์ไว้ 458 คัน และส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 7,370 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 10,536 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 562 คน ยึดรถยนต์ 132 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 3,924 คน โดยตลอด 6 วัน ที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2559 – 3 มกราคม 2560 เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว จำนวน 4,208 คัน แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 2,965 คัน รถยนต์ 1,243 คัน และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในส่วนรถจักรยานยนต์ 38,168 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 20,889 คน
รองโฆษก คสช. กล่าวอีกว่า สำหรับจุดบริการประชาชนตามหน้าค่ายทหารและเส้นทางคมนาคมของกองทัพบก ยังมีประชาชนเข้าใช้บริการต่อเนื่อง 8,486 คน และมีผู้เข้าเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง/แหล่งท่องเที่ยว และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของหน่วยทหาร จำนวน 17,308 คน
“อย่างไรก็ตามจากสถิติใน 6 วัน พบว่าแม้เจ้าหน้าที่จะเข้มงวดในมาตรการลดอุบัติเหตุ แต่ยังคงมีผู้ขับขี่บางส่วนที่มีความประมาท ขับขี่ในสภาพที่ไม่พร้อม จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและเกิดการสูญเสียขึ้น ซึ่ง คสช.จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปสู่การพิจารณาแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป” รองโฆษก คสช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย