กรุงเทพฯ 1 มี.ค. – สมอ. ร่วมกับ สพฐ. และภาคีเครือข่ายเด็กปลอดภัยกำหนดมาตรฐาน “โรงเรียนปลอดภัย” คุ้มครองความปลอดภัยนักเรียน เตรียมประกาศใช้พฤษภาคมนี้
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการผลักดันให้มีการนำมาตรฐานการจัดการด้านความปลอดภัยไปใช้ในโรงเรียน ว่า สมอ. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และภาคีเครือข่ายเด็กปลอดภัยทั้งจากภาครัฐและเอกชนกว่า 10 หน่วยงาน อาทิ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มูลนิธิรามาธิบดี มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย องค์การช่วยเหลือเด็ก องค์กรเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ มูลนิธิรักษ์ไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงแรงงาน กรมการขนส่งทางบก กองบัญชาการตำรวจนครบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการจัดทำมาตรฐาน “โรงเรียนปลอดภัย” เพื่อให้สถานศึกษาในสังกัด สพฐ. กว่า 30,000 โรง นำไปประยุกต์ใช้บริหารจัดการภายในโรงเรียน เพื่อลดความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่างๆ เช่น อันตรายจากอาคารเรียน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา การจัดการเมื่อเกิดโรคระบาด และการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเตรียมความพร้อมและการดำเนินการเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นในโรงเรียนเพื่อให้เด็กนักเรียน และบุคลากร ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีความปลอดภัยสูงสุด โดยขณะนี้อยู่ในกระบวนการประชาพิจารณ์เพื่อให้มาตรฐานมีความเหมาะสมในการนำไปใช้ และหลังจากนี้จะฝึกอบรมให้ความรู้แก่ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอนเกี่ยวกับมาตรฐานดังกล่าวผ่านทางสื่อออนไลน์ของ สพฐ. ที่เชื่อมต่อกับทุกโรงเรียนในสังกัด ซึ่งคาดว่าเปิดเทอมใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2564 ทุกโรงเรียนจะสามารถนำมาตรฐานดังกล่าวไปใช้บริหารจัดการภายในโรงเรียนได้ทันที
ทั้งนี้ มาตรฐาน “โรงเรียนปลอดภัย” มีขอบข่ายคุ้มครองความปลอดภัยแก่นักเรียนใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพของโรงเรียน 2) ด้านการดำรงชีวิต 3) ด้านภัยพิบัติจากธรรมชาติ และ 4) ด้านการเดินทาง
“นอกจาก สมอ. จะร่วมกับ สพฐ. จัดทำมาตรฐาน “โรงเรียนปลอดภัย” แล้ว ยังได้เตรียมขยายผลต่อไปยังหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักการศึกษา กทม. เพื่อร่วมกันผลักดันให้มีการนำมาตรฐานโรงเรียนปลอดภัยไปประยุกต์ใช้ให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป” เลขาธิการ สมอ. กล่าว – สำนักข่าวไทย