คาดท่องเที่ยวปี 59 จำนวน-รายได้ ตามเป้าหมาย

สาทร 23 พ.ย.-รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยประเทศไทยขึ้นอันดับแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น-รายได้ตามเป้า 2.4 ล้านล้านบาท  ผลจากปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ เว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า 3 เดือน เพิ่มวันหยุดยาวรับปีใหม่


นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายพงษ์ภานุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมแถลงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย โดย นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีสัญญาณบวกของการท่องเที่ยวไทยว่า กำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลเอาจริง ในการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญทำให้เกิดปัจจัยบวกในการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาซื้อของไทยเที่ยวไทยอย่างแท้จริง ส่งผลดีต่อดัชนีการท่องเที่ยวในระยะสั้นและระยะยาว

ภาพข่าวท่องเที่ยวแถลง (1)


 

 

 


 

 

ทั้งนี้ ยืนยันจากตัวเลขที่กรมการท่องเที่ยวรายงาน สะสม นับตั้งแต่เดือน มกราคม – ตุลาคม 2559 พบว่า ประเทศไทย มีการใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น  โดยจีนเป็นอันดับ1 มาเลเซีย อันดับ2 รัสเซีย อันดับ3  และพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 1 มกราคม จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสม จำนวน28.72 ล้านคน สร้างรายได้ 1.43 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ10.38  เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า การท่องเที่ยวไทยจะยังคงเติบโตตามเป้าของปี 2559 คือ 2.4 ล้านล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้

ภาพข่าวท่องเที่ยวแถลง (3)

 

 

 

 

รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา มั่นใจว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตามเป้าอยู่แล้ว ด้วยของขวัญพิเศษในช่วงปีใหม่ เช่น คณะรัฐมนตรีอนุมัติวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ติดต่อกัน 4 วัน คือ 31 ธันวาคม 2559 -3 มกราคม  2560มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ สถานกุงสุลไทยในต่างประเทศ จำนวน 1,000บาทต่อคน เป็นการชั่วคราว 3 เดือน ปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราวีซ่า ณ ช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมือง นอกจากนี้ยังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะยาว คือการขยายระยะเวลาสำหรับกลุ่มที่พำนักระยะยาวในราชอาณาจักรไทย หรือลองสเตย์วีซ่า จาก 1  ปี เป็น10ปี ตามมาตรการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ  โดยผู้ขอ วีซ่ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ  นอร์เวย์ สหรัฐ แคนาดา เยอรมัน ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น คาดว่าช่วง 3 เดือนนี้จะได้ยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปกติ 8.8ล้านคน เป็น 9.1ล้านคนคิดเป็นร้อยละ4 และมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 454,982ล้านบาท เป็น 483,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ6 โดยจะมีการจ้างงาน กระจายรายได้ไปในเมืองในต่างจังหวัดมากขึ้น

 

สำหรับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่กำลังจะจัดขึ้นช่วงปลายปีนี้  คือมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า ที่ จ.ภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 15-18 ธ.ค.นี้ กิจกรรมแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล 8 เส้นทาง ในการจัดงานมหกรรมอารายะสถาปัตย์ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าถึงอย่างเท่าเทียม .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง