สธ. 28 ม.ค.- รมว.สธ. เผยวัคซีนโควิดแอสตราฯ อาจไม่ได้ฉีด 14 ก.พ.นี้ เนื่องจากติดขนส่ง แต่คาดมาถึงไม่เกิน ก.พ.นี้ พร้อมเพิ่มกลุ่มเสี่ยงคนอ้วน 100 กก. ได้รับวัคซีน และให้ สสส. ช่วยการสื่อสารสร้างความเข้าใจประชาชนในการรับวัคซีน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด -19 และ นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการจัดการวัคซีนโควิด-19 จากแอสตราเซเนกา จำนวน 50,000 โดส ที่มีการสั่งซื้อมาจากอิตาลี โดยขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าวัคซีนจะมาถึงไทยเมื่อไหร่ แต่อาจไม่สามารถเริ่มดำเนินการฉีดได้ตามเป้า 14 ก.พ. แต่คาดว่าวัคซีนคงถึงไทยภายในเดือน ก.พ.แน่ เนื่องจากติดปัญหาการขนส่ง และทางอียูจำกัดการส่งออกวัคซีน ซึ่งเมื่อมาถึงต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อน จึงจะสามารถเริ่มดำเนินการฉีดได้ ควบคู่กับการสำรวจความสมัครการรับวัคซีนผ่านไลน์บัญชีทางการ หมอพร้อม
นายอนุทิน กล่าวว่า วัคซีนลอตที่จะถึงนี้ เป็นการเจรจาสั่งซื้อแบบ Partnership ซึ่งมาลอตแรกก่อน 50,000 โดส จากนั้นทยอยมาอีก 100,000 โดส จนครบ 150,000 โดส พร้อมกันนี้ได้มีการปรับเพิ่มหลักเกณฑ์ผู้รับวัคซีนอีกหนึ่งกลุ่ม ได้แก่ คนอ้วนที่มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม หรือ คนที่มี BMI. 35 นอกจากเหนือจากบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ผู้ป่วยโรคประจำตัว ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรังระยะ 5 โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิดที่อยู่ระหว่างเคมีบำบัด รังสีรักษา โรคเบาหวาน และผู้สูงอายุ 60 ปี รวมถึงบุคลากรที่ทำหน้าที่ควบคุมโรคโควิด-19 เช่น อสม.
นายอนุทิน กล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิดนี้ ยืนยันว่าจะฉีดให้กับคนที่อยู่ในผืนแผ่นดิน โดยไม่มีการแบ่งแยก เพราะเป็นเรื่องของการควบคุมโรค โดยเน้นในพื้นที่ไหนมีการระบาด ก็ต้องเป็นพื้นที่นั้นได้รับก่อน พร้อมเตรียมให้ สสส. เร่งทำการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการรับวัคซีน เพื่อคลายกังวลเรื่องผลกระทบที่จะได้รับ เพราะการรับวัคซีนเป็นเรื่องของความสมัครใจ โดยจะจัดทำวิดีโอความรู้ให้กับประชาชนรับทราบ โดยประสิทธิภาพของวัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของโรค การติดเชื้อยังสามารถเกิดขึ้นได้ แต่อัตราการตายลดลง.-สำนักข่าวไทย