1 ก.พ.จ่อทบทวนมาตรการเคลื่อนย้ายใน 5 จว.ควบคุมสูงสุด

สธ. 24 ม.ค. – อธิบดีกรมควบคุมโรค แจง 1 ก.พ. นี้เตรียมทบทวนมาตรการเคลื่อนย้ายใน 5 จังหวัดควบคุมสูงสุด หากสถานการณ์โควิดดี เตรียมผ่อนคลายมาตรการ พร้อมแจงอุทาหรณ์ จากกรณีผู้เสียชีวิตรายล่าสุดติดเชื้อจากคนในครอบครัว เพราะป่วยไม่แสดงอาการ ส่วนเคสดีเจคนดังและผู้ประกาศ NBT ที่แท้เอี่ยวปาร์ตี้


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด -19. ว่าวันนี้ทั่วโลก มีผู้ป่วย 99 ล้านคนแล้ว เสียชีวิต 2 ล้านคน แต่อัตราการติดเชื้อของผู้ป่วยยังคงเพิ่มสูงขึ้นเหมือนเดิม ถือว่ามีอัตราการป่วยเพิ่มขึ้นแบบทรงตัว เฉลี่ยติดเชื้อวันละ 5 แสนคน ส่วนสถานการณ์ติดเชื้อในเอเซียและเพื่อนบ้านรอบไทย ยังมีผู้ติดเชื้ออยู่ ดังนั้นยังต้องเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส เพื่อป้องกันการลักลอบการนำเข้า แรงงาน โดยประเทศ วันนี้ พบ ผู้ติดเชื้อ. 198 คน ติดเชื้อในประเทศ 191 คน ติดเชื้อจากต่างประเทศ 7 คน เสียชีวิต 1 คน ทำให้เสียชีวิตสะสม 72 คน เทียบอัตราการเสียชีวต 0.14 ผู้ป่วยที่พบส่วนใหญ่อยู่ใน กทม. และปริมณฑล โดยที่จังหวัด สมุทรสาคร พบถึงร้อยละ 70- 90 หากควบคุมได้ดี เชื่ออัตราการป่วยน่าจะลดลง และวันนี้พบผู้ติดเชื้อใน 7 จังหวัดเท่านั้น อย่างไรก็ตามในเช้าวันที่ 1 ก.พ. นี้ จะครบกำหนด ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุด ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร ที่ห้ามมีการเคลื่อนย้าย และสกัด เพื่อคัดกรองคนเข้าออก โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางคมนาคมและยานพาหนะของประชาชนเดินทางเข้าออกเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จึงจะทบทวน หากจังหวัดใดมีอัตราการป่วยติดเชื้อลดลง ก็จะมีการผ่อนคลาย ส่วนจังหวัดที่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอาจต้องคงเข้มไว้ และ เพิ่มมาตรการบางอย่าง

นพ.โอภาส ยังกล่าวว่า ส่วนผู้เสียชีวิตที่เป็นหญิง 73 ปี รายล่าสุดนี้ พบว่าการติดเชื้อจากผู้ที่ป่วยที่ไม่ได้แสดงอาการ โดยเป็นญาติที่มีการติดเชื้อและมาเยี่ยมที่บ้าน ประกอบกับมีโรคประจำตัวอยู่เดิม เกี่ยวกับปอด ทำให้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา แต่อาการติดเชื้อโควิดจะดีขึ้น และหายแล้ว แต่กลับพบว่ามีการติดเชื้อแทรกซ้อนแทน ทำให้เป็นสาเหตุการเสียชีวิต ดังนั้นเรื่องนี้จึงถือเป็นบทเรียนของครอบครัวที่จำช่วยกันเฝ้าระวังผู้สูงอายุในบ้าน การที่เราเดินทางไปนอกบ้านอาจป่วยไม่รู้ตัวและไม่แสดงอาการ ดังนั้นต้องมีการสวมหน้ากากอนามัยเสมอ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนอื่น


นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนกรณีการสอบสวนของเคสดีเจ มะตูม พบว่าจุดเริ่มต้นมาจากเพื่อนที่ไปร่วมงานเลี้ยงของดีเจมะตูมไปสถานบันเทิงในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นข่าวและมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกาศ NBT สอบสวนโรค ก็พบว่าไปปาร์ตี้กับดีเจมะตูม. จากนั้นผู้ประกาศคนดังกล่าวยังเดินทางไปปาร์ตี้ ในอีก 3 สถานที่ ทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อรวม 19 คน ดังนั้นจะเห็นว่า ในพื้นที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท มีการเลี้ยงสังสรรค์ จัดกิจกรรมปาร์ตี้ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการเป่าเทียนวันเกิด ร้องเพลงกัน ล้วนแต่เป็นกิจกรรมเลี่ยงทั้งสิ้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่