“ไพรินทร์” แนะทบทวนโครงสร้างไฟฟ้า  PDP 

กรุงเทพฯ 23 พ.ค.-  “ไพรินทร์” แนะทบทวนโครงสร้างไฟฟ้าระบบ PDP  หลังไทยมีไฟฟ้าปริมาณสำรองเกิน  แนวคิดนำก๊าซอ่าวไทย ส่งโรงไฟฟ้าโดยตรง  กกพ. รอนโยบายให้ชัดเจน ประชาชนได้ประโยชน์  ภาคอุตสาหกรรมอาจกระทบหนัก  


นายไพรินทร์  ชูโชติถาวร  ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวระหว่างการร่วมงานสัมมนาเรื่อง  “การวิเคระห์ข้อมูลเพื่อการกำกับกิจการพลังงาน” ว่า การประกาศ MOU  ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงาน  มองว่า  การลดปริมาณสำรองไฟฟ้า จากปัจจุบันร้อยละ 50  เพราะคาดการณ์เติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาวตามแผน PDP  แต่ในช่วงเกิดปัญหาโควิด-19 เศรษฐกิจทรุด  เมื่อใช้ไฟฟ้าน้อยลง จึงมีส่วนเกินปริมาณสำรองจำนวนมาก  มองว่าปริมาณสำรองที่เหมาะสม คือ ร้อยละ 30 หากลดลงเหลือร้อยละ 20 นับว่าสำรองน้อยมากอาจเกิดปัญหาวิกฤติได้   เพราะหากเศรษฐกิจเติบโตการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น ปริมาณสำรองจำนวนมากจะทะยอยลดลงจากปัจจุบัน  โดยเฉพาะในช่วงฤดดูร้อนที่มีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก ได้ทำให้ปริมาณสำรองลดลง แนวโน้มในระยะยาวไฟฟ้าสำรองมีจำนวนสูง  ผลดีมากกว่ามีปัญหาขาดแคลน 

“โครงสร้างไฟฟ้าของไทย รัฐเป็นผู้กำหนดจึงเลือกใช้ระบบ PDP   ขณะที่หลายประเทศพลังงานมีความมั่นคง จึงใช้ระบบเพาเวอร์พูล หลายประเทศในอาเซียนใช้ระบบนี้อยู่  เมื่อไทยใช้ระบบ PDP จนมีปริมาณไฟฟ้าสำรองเกิน อาจต้องเปลี่ยนแนวคิดว่า ระบบ  PDP เหมาะสำหรับในยุคพลังงานไฟฟ้าไม่เพียงพอ อาจต้องเปลี่ยนมาเป็นระบบไฟฟ้าเสรีได้หรือไม่ เพื่อให้ทุกเช้ามีการเสนอราคาซื้อขายไฟฟ้าแบบเสรี เพราะไทยถึงจุดปริมาณไฟฟ้าสำรองเกิน ไม่มีปัญหาขาดแคลน จึงขึ้นอยู่กับการเลือกใช้แบบไหน” นายไพรินทร์ กล่าว    


ส่วนแนวคิดนำก๊าซจากอ่าวไทย ส่งไปให้โรงไฟฟ้าโดยตรง   จากนั้นค่อยจัดส่งให้ภาคอุตสหากรรมภายหลัง นับว่าเป็นแนวคิดใหม่และเปลี่ยนนโยบายพลังานครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี สำหรับเมืองไทย จึงต้องศึกษาอย่างรอบคอบ  ยอมรับว่าการผลิตพลังงานมีต้นทุน ประเทศไทยต้องนำเข้า ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลพยามยามที่สุด ไม่มีอะไรปลุกเสกให้พลังงานถูกลงได้ ปัจจุบันไทย ซื้อพลังงานและซื้อความมั่นคง หลายประเทศเพื่อนบ้าน ราคาพลังงานถูก แต่มีปัญหาไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับบ่อยมาก หากยอมจ่ายค่าความมั่นคง ต้องยอมจ่ายเรื่องปริมาณสำรองในสัดส่วนที่เหมาะสม  ยอมรับว่า การปรับโครงสร้างพลังงาน ด้วยการทบทวนแก้ไขสัญญาในการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) นั้น อาจลำบาก เนื่องจากเป็นสัญญามีข้อผูกมัด เพราะข้อตกลงทางกฎหมาย หากมีการแก้ไขรัฐบาลต้องเข้าไปชดเชยดังนั้นการแก้ปัญหาต้องมองไปข้างหน้า 

นายวีระพล   จิรประดิษฐกุล อดีตกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวยอมรับว่า ราคาพลังงานทดแทนมีความไม่แน่นอน จึงต้องส่งสัญญาณให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และอยากให้ยกเลิกการอุดหนุนราคา อย่างเช่นการส่งเสริมใช้ก๊าซ NGV เมื่อภาครัฐอุดหนุนราคาต่ำมีคนใช้รถ NGV จำนวนมาก แต่พอยกเลิกอุดหนุนปรับราคาสะท้อนต้นทุน ประชาชนเลิกใช้ รถยนต์ NGV เกือบหมดเหลือแต่รถบรรทุก  สำหรับการส่งเสริมใช้รถยนต์ไฟฟ้าแนะนำให้ชาร์จแบตในช่วงกลางคืนเพราะราคาถูกกว่าการชาร์จในช่วงกลางวัน  ยอมรับว่าการชาร์จด้วยระบบควิกชาร์จในเวลานั้นๆ ทำให้แบตเสื่อมมากกว่าการค่อยๆชาร์จในช่วงกลางคืน 

นายคมกฤช  ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน  (กกพ.)  กล่าวว่า แนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะไทยมีระบบสายส่งไฟฟ้ากระจายทั่วประเทศ สำหรับพลังงานไฮโดรเจนยังหาที่เติมลำบาก รัฐบาลจึงต้องเลือกแนวทางส่งเสริมว่าจะเลือกส่งเสริมอย่างไร ขณะนี้ภาครัฐพยายามส่งเสริมการตั้งสถานีชาร์จกระจายทุกภูมิภาคให้เพียงพอ  ส่วนแนวคิดนำก๊าซจากอ่าวไทย  ส่งไปให้โรงไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าโดยตรง   จากนั้นค่อยจัดส่งให้ภาคอุตสหากรรมภายหลัง  เคยใช้นโยบายดังกล่าวมาแล้วในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ที่ผ่านมา แต่ทำให้ต้นทุนไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเพิ่ม อาจส่งผลไปยังต้นทุน และกระทบราคาสินค้าเพิ่ม รัฐบาลชุดใหม่จึงต้องตัดสินใจ ส่วน สำนักงาน กกพ.พร้อมดำเนินการตามนโยบาย 


นายไพรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รถไฟฟ้า คือ รถดิจิทัลวิ่งได้เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่  นิยมใช้กันหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้จีน กลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และหากค่ายรถยนต์จีน ขยายเข้ามาลงทุนในประเทศ อาจได้เห็นรถยนต์ราคา 2-3 แสนบาท วิ่งบนถนนได้ในเมืองไทยในอนาคต ขณะที่พลังงานด้านอื่น อาจต้องปรับตัว อย่างเช่น รถยนต์โตโยต้าพลังงานจากไฮโดรเจน ต้องปิดโรงงานในสหรัฐไปแล้ว เพราะคนรุ่นใหม่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก  ยอมรับว่าเทคโนโลยีในการผลิตแบตเตอรี่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก  มีการพัฒนาก้าวหน้าเพิ่มขึ้น ทั้งขนาดเล็กลง และจัดเก็บพลังงานได้สูงมาก การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า จึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย