อย.29ธ.ค.-อย. เผยสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศ และยังติดตามการพัฒนาวัคซีนจากต่างประเทศ หากมีผลวิจัยว่าทดลองกับคนแล้ว มีความปลอดภัย มีประสิทธิผล ก็พร้อมจัดหานำวัคซีนเข้ามาใช้ในประเทศทันที
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลให้หลายประเทศอยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีน เพื่อนำมาใช้ป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเร่งด่วน สำหรับในประเทศไทยอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาวัคซีน มีวัคซีนอยู่ในรายชื่อตามประกาศขององค์การอนามัยโลก จำนวน 6 รายการ ซึ่งในจำนวนนี้มีวัคซีนจาก 3 หน่วยงานที่มีความก้าวหน้าในการพัฒนา ได้แก่ 1. วัคซีนชนิด mRNA จากศูนย์วัคซีนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2. วัคซีนชนิด DNA ของบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด และ 3. วัคซีนชนิดโปรตีน ซับยูนิต ของบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด โดยผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในสัตว์ทดลองขั้นแรกเป็นที่น่าพอใจ และวางแผนเพื่อเริ่มวิจัยในมนุษย์ต่อไป
ส่วนวัคซีนที่อยู่ในการวิจัยพัฒนาในต่างประเทศ หากมีการวิจัยในคนสำเร็จ มีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลในการรักษาโรค โควิด-19 อย. ยืนยันจะจัดหานำเข้าวัคซีนนั้นมาใช้ในประเทศไทยโดยเร็ว ขอประชาชนอย่าได้ห่วง สำหรับยารักษาโรคโควิด-19 ที่หลายประเทศทั่วโลกนำมาใช้ในขณะนี้ ได้แก่ ยาเรม ดิซีเวียร์ และยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งในประเทศไทยได้มีการนำเข้ายาดังกล่าวแล้ว และ อย. ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ทั้ง 2 รายการ อีกทั้งองค์การเภสัชกรรมอยู่ระหว่างพัฒนายาเม็ดฟาวิพิราเวียร์ โดยคาดว่าจะยื่นคำขอทะเบียนได้ภายในปี 2564 เพื่อนำมาใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ต่อไป
“อย.มีความพร้อมในการรองรับการขึ้นทะเบียนวัคซีนในสถานการณ์เร่งด่วน รวมถึงเร่งการตรวจประเมินสถานที่ผลิตวัคซีนให้ได้ตามมาตรฐานวิธีการที่ดีในการผลิตยา เพื่อให้พร้อมสำหรับการวิจัยทางคลินิก และการผลิตเพื่อจำหน่ายที่เพียงพอ โดยยึดหลักความรวดเร็ว ขณะเดียวกันต้องเป็นไปตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญต้องมีความปลอดภัยขอให้เชื่อมั่นการดำเนินงานของ อย.และคนไทยต้องได้ใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมประเทศที่เป็นผู้นำการผลิตแน่นอน” รองเลขาธิการ อย.กล่าว .-สำนักข่าวไทย