พรรคเพื่อไทย 21 ธ.ค.-พรรคร่วมฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ยืนยันไม่ร่วมกก.สมานฉันท์ จนกว่ารัฐบาลจะ “เป็นธรรม-จริงใจ” กับผู้เห็นต่าง จี้แก้รธน. ต้องชัดส.ส.ร.มาจากเลือกตั้ง ไม่สืบทอดอำนาจ
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประชุมร่วมกับหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน พร้อมออกแถลงการพรรค่วมฝ่ายค้านระบุว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าการดำเนินงานของรัฐบาลในปัจจุบันไม่สามารถนำไปสู่ทางออกของประเทศ เนื่องจากรัฐบาลมิได้ทำให้สังคมเชื่อมั่นได้ว่าตั้งใจจริงกับการแก้ไขปัญหา รวมทั้งยังใช้กฎหมายที่ทำให้ฝ่ายเห็นต่างที่เป็นคู่ขัดแย้งรู้สึกว่ารัฐบาลใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดตน ซึ่งถือเป็นการทำลายบรรยากาศการร่วมมือและปรองดอง
“รัฐบาลยังไม่เปิดใจรับฟังที่จะแสวงหาจุดร่วมเพื่อช่วยกันคลี่คลายปัญหา เท่ากับรัฐบาลปิดกั้นหนทางการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง ดังนั้น ความพยายามของประธานรัฐสภาที่พยายามจะสร้างคณะกรรมการสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น โดยที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีและกลุ่มผู้เห็นต่างกับรัฐบาล ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงไม่เข้าร่วม คณะกรรมการชุดนี้ จึงไม่สามารถเป็นความหวัง ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงขอยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์ จนกว่ารัฐบาลและคู่กรณีความขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายจะเข้าร่วม และรัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงใจการสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง ด้วยการยุติการคุกคาม และยุติการจับกุม คุมขังผู้เห็นต่าง ยกเลิกการตั้งข้อหากับผู้ชุมนุม อย่างขาดหลักแห่งความยุติธรรม ต้องเริ่มต้นที่รัฐบาล มีความเป็นธรรมและแสดงออกถึงความจริงใจ เพราะเห็นว่ามีการใช้ความไม่เป็นธรรมจับกุมผู้ที่เห็นต่าง ซึ่งหากยังไม่มี 3 สิ่งนี้การปรองดองด็คงไม่เกิดขึ้น” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวว่า แนวทางแก้ไขวิกฤติครั้งนี้ที่เหมาะสมที่สุด คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกสำคัญของการแก้ไขปัญหา รัฐบาลต้องทำให้สังคมยอมรับว่ามีความตั้งใจและจริงใจที่จะสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพราะความเป็นประชาธิปไตยคือกลไกสำคัญที่ทุกฝ่ายจะยอมรับ และสร้างให้เกิด “ความเชื่อมั่น” และคือหนทางสำคัญในการคลี่คลายทุกปัญหาของสังคมไทย โดยรัฐบาลควรแสดงความจริงใจเร่งหาวิธีแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นปัญหาให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ และยอมรับให้เกิดกระบวนการเลือกส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ให้ประชาชนเชื่อใจว่า ไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ และต้องการถอยออกจากอำนาจอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจกำหนดกฎกติกาให้เป็นประชาธิปไตย เพื่ออนาคตด้วยมือของประชาชนเอง
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่มีความยุติธรรม จึงไม่มีความสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งควรเริ่มที่รากเหง้า ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารและระบอบการเมืองที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์รัฐประหาร และยังมีปฏิบัติการ I O ที่สร้างความขัดแย้งโดยภาครัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะที่ผ่านมาเคยมีคณะกรรมการลักษณะนี้ และเคยเสนอให้แก้ไขบทลงโทษในมาตรา 112 การจะแก้ปัญหาจึงต้องยุติการดำเนินคดีอย่างกว้างขวาง ไม่เช่นนั้นก็คุยกันไม่ได้ และต้องยุติการตั้งส.ส.ร.ที่สืบทอดอำนาจ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ต้นเหตุของปัญหาความแตกแยกคือความไม่เป็นประชาธิปไตยที่อำนาจมาจากประชาชน สิ่งที่จะแสดงถึงความจริงใจ ในการแก้ปัญหานี้คือความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐธรรมนูญใหม่ที่มาแทนที่จะแก้ปัญหา ความขัดแย้งที่เกิดจากรัฐธรรมนูญเก่าได้ แก้ไขในเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน
นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า เห็นใจนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่พยายามจะตั้งกรรมการปรองดองสมานฉันท์ แต่เชื่อว่าสุดท้ายไม่สามารถปรองดองสมานฉันท์ได้ เนื่องจากคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจและกฎหมายรองรับ อีกทั้งรายชื่อที่รัฐบาลเสนอร่วมเป็นกรรมการปองดอง แทนที่จะเป็นตัวนายกรัฐมนตรีเอง แต่กลับส่งคนที่ประชาชนเห็นชื่อแล้วร้องยี้ การตั้งคณะกรรมการ ฯเป็นเพียงการยื้อเวลาและหาทางออกให้กับรัฐบาล ฝ่ายค้านเข้าร่วมก็คงไม่มีประโยชน์.-สำนักข่าวไทย