กรุงเทพฯ 22 ต.ค. – ก.พลังงาน ยอมรับโรงไฟฟ้าชุมชนล่าช้า คาดเปิดรับซื้อต้นปีหน้า พร้อมประกาศขยายผลโครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ร.ร.ทีปังกรฯต่อเนื่องอีก 9 แห่งในปี 64 หลังที่ผ่านมา สนับสนุนงบประมาณปรับเปลี่ยนติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานเกิดการประหยัดค่าพลังงานกว่า7.7 แสนหน่วย/ปี คิดเป็นเงินราว 3.24 ล้านบาท/ปี
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชน ยังคงเดินหน้า โดยจะเปิดซื้อช่วงแรก 100 – 150 เมกะวัตต์ ตามคำแนะนำของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจากการเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง พบว่า ยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน เช่น การเปิดรับซื้อจะเป็นการประมูลราคา ( BIDDING ) หรือ การกำหนดราคาที่ชัดเจน ซึ่งเน้นย้ำว่า ภาพรวมต้องเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร และไม่กระทบต่อค่าไฟฟ้าของภาคประชาชนมากนัก
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) กล่าวว่า ในขณะนี้การเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชน จะสามารถเปิดรับซื้อไฟฟ้าได้ในช่วงเดือน ม.ค.2564 โดยขณะนี้เร่งสรุปหลักเกณฑ์ฯใหม่ให้เสร็จภายในเดือนต.ค.นี้ และนำเสนอเข้าสู่การพิจารณของ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ในเดือนพ.ย.นี้ จากนั้นทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) จะต้องดำเนินการออกระเบียบประกาศรับซื้อไฟฟ้าใหม่ฯ และต้องเปิดประชาพิจารณ์ ประมาณ 15 วันตามกฎหมาย ในขณะที่มีข้อเสนอให้ขยายกำลังผลิตต่อโรง จาก 3 เมกะวัตต์ เป็น 6 เมกะวัตต์ และยังคงเป้าหมายให้เป็นพืชพลังงานปลูกใหม่ โดยร้อยละ80 ซื้อจากเกษตกร และร้อยละ 20 มากจากทางเอกชนจัดหา
“ขณะนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปวิธีการคัดเลือกโครงการฯ ว่าจะบิดดิ้งหรือไม่ มีผู้กังวลว่า อาจเกิดการดัมพ์ค่าไฟ เพื่อแข่งขัน และสุดท้ายนำไปสู่การละทิ้งโครงการฯ ซึ่งขณะนี้ วางแนวทางป้องกันปัญหาด้วยวางเงินค้ำประกันโครงการ หรือ แบงก์การันตีทั้งการเสนอโครงการก่อสร้างและการร่วมทุนกับวิสาหกิจเบื้องต้น ควรอยู่ที่ 5,000-6,000 บาทต่อไร่ ซึ่งโรงไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์ จะใช้พื้นที่เพาะปลูก 1,000 ไร่ หรือราว 1 ล้านบาท/เมกะวัตต์ เป็นต้น” นายประเสริฐ กล่าว
ในวันนี้ (22 ต.ค. ) กระทรวงพลังงานได้แถลงผลการดำเนินงาน โครงการส่งเสริมและสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในโรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ในพระราชูปถัมภ์ฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ว่า กระทรวงพลังงานได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อเป็นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนในสถานศึกษาส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้านพลังงานและนำความรู้ที่ได้ขยายผลสู่บ้านและชุมชนโดยเริ่มโครงการกับกลุ่มโรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ในพระราชูปภัมถ์ฯ 6 แห่งที่ส่วนใหญ่ลักษณะการใช้พลังงานยังไม่มีประสิทธิภาพเพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนใหญ่สภาพเก่าขาดการบำรุงรักษา ทำให้เกิดการประหยัดพลังงานและสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรมโดยแต่ละโรงเรียนสามารถลดได้มากกว่า ร้อยละ40 มีผลประหยัดรวมกันกว่า 772,830 หน่วย/ปี คิดเป็นเงิน 3,245,886 บาท/ปี และในปี2654 กระทรวงพลังงานจะมีการดำเนินโครงการต่อเนื่องในการจัดกิจกรรมและสนับสนุนงบประมาณการปรับเปลี่ยนและติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานให้กับโรงเรียนในกลุ่มพระราชูปถัมภ์ อีกจำนวน 9 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีนักเรียนรวมกันกว่า 9,000 คน และชุมชนโดยรอบโรงเรียน . – สำนักข่าวไทย